ว่าด้วย"กายสมบูรณ์" สามกาย
ว่าด้วย"กายสมบูรณ์" สามกาย
/////
มนุษย์มี "สามกาย" ที่ควรดูแลให้สมบูรณ์ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่และพัฒนาไปสู่ความรู้แจ้ง
(1) กายหยาบ
ซึ่งประกอบด้วยเลือดและเนื้อ
(2) กายทิพย์ (subtle body)
ซึ่งประกอบด้วยพลังชีวิต(ปราณ) และจิต
(3) กายเหตุ (causal body)
หรือกายธรรม ซึ่งเกิดจากการถักทอเข้าด้วยกันของ 'ปัญญาญาณ' กับสุญญตา หรือภาวะแห่งบรมสุขอันนิรันดร์
แต่ละกายเหล่านี้ต่างมีคุณลักษณะเฉพาะของตน กล่าวคือ
"กายหยาบ" มีลักษณะหนาแน่นเพราะเป็นผลจากการรวมตัวของพลังสั่นสะเทือน (vibration) ของจักรวาล
"กายทิพย์" คือตัวพลังสั่นสะเทือนของพลังชีวิตและจิตที่ละเอียดกว่าของกายหยาบ
"กายเหตุ" เป็นการสั่นสะเทือนที่แทบจะบริสุทธ์ของจิตจักรวาล
......
อาจกล่าวได้ว่า
"กายหยาบ" ต้องพึ่งพาอาหาร
"กายทิพย์" ต้องพึ่งพาพลังปราณที่ผสานกับเจตจำนง และพัฒนาการทางความคิดของตัวตน
ส่วน "กายเหตุ" นั้นเสพธรรมปีติเป็นหลัก
อภิปรัชญาอธิบายว่า กายทั้งสามนี้ห่อหุ้มวิญญาณไว้ เมื่อตาย กายหยาบจะสลายไป
แต่กายทิพย์และกายเหตุยังคงอยู่ตามอำนาจของความอยากและกรรมที่ยังไม่ส่งผล
วิญญาณที่อยู่ในกายทั้งสองนี้ยังคงสืบต่อเป็นสันตติ โดยเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏในสภาพกายหยาบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกว่าจะหลุดพ้นจากความอยากและชำระกรรมทั้งหมดให้บริสุทธิ์ได้เสียก่อน
แต่ในบทความนี้ เราจะกล่าวถึง
วิธียืดอายุ 10 อวัยวะของ "กายหยาบ" ให้อยู่ยาวนานจนกว่าคนนั้นจะหมดอายุขัย
เพราะกายหยาบที่สมบูรณ์แม้สูงวัยคือฐานชีวิตของการพัฒนาจิตใจและจิตวิญญาณตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของผู้นั้น
วิธีการยืดอายุอวัยวะมีหลายวิธี แต่ถ้าพิจารณาจากเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและภูมิปัญญาโบราณของเต๋า
เราสามารถสรุปเป็นแนวทางได้ดังนี้
1. สมอง : หลังอายุ 70 ปี จะเริ่มพบความผิดปกติที่เกิดจากความเสื่อมของสมอง ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในคราวเดียว
จะยืดอายุสมองให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร ?
(1) นิวโรบิกส์ เอ็กเซอร์ไซส์ (Neurobics Exercise) หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างทำงานประสานกัน เพื่อช่วยให้สมองทั้งซีกซ้าย และขวาได้รับการกระตุ้นและทำงานไปพร้อมกัน
(2) กินปลาทะเล ไข่ ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืช และน้ำมันสกัดเย็นจากสมุนไพร 9 ชนิด (nine oils) ที่เป็นสุดยอดสารอาหารบำรุงสมองเป็นประจำ
(3) ฝึกลมปราณกรรมฐานเป็นประจำทุกวันเพื่อรักษาพลังสมองให้ปลอดโปร่งอยู่เสมอ รวมทั้งเจริญสติก่อนนอน ใช้วิธีกำหนดตามรู้ลมหายใจเข้าและออก จนกว่าจะหลับ
(4) ฝึกมุทราหรือปางมือเพื่อกระตุ้นสมองทางอ้อม
(5) หมั่นเปล่งมนตราเสียงโอมทุ้มต่ำดังๆ เพื่อสร้างพลังสั่นสะเทือนไปที่สมองเป็นการ 'นวดสมอง' ทางอ้อม
2. ดวงตา : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี ดวงตา จอประสาตา เลนส์ตาจะเสื่อมลง ในอัตราที่ไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
จะยืดอายุดวงตา ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร ?
(1) สวมแว่นกันแดด ก่อนทำกิจกรรมกลางแจ้งทุกครั้ง
(2) ผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออยู่กับแทบเลต มือถือทั้งวัน ควรพักสายทุกๆ 45 นาที อย่างน้อย 5-10 นาที
(3) หมั่นนวดบริเวณรอบดวงตาและบริเวณขมับทั้งสองข้ามเป็นประจำ
(4) ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตหลังปิดไฟเข้านอนแล้ว
(5) ทานวิตามินอาหารเสริมที่บำรุงสายตา
(6)หมั่นนอนพักชั่วครู่อย่างผ่อนคลายในท่าศพโดยใช้เจลประคบเย็นที่บริเวณดวงตาด้วย
3. หู : หลังอายุ 60 ปี การได้ยินจะค่อยๆ ลดลงทุกปี และทุกๆ 1 ใน 3 คนมีปัญหาเรื่องการได้ยินเมื่อเข้าสู่วัยนี้
จะยืดอายุหู ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
(1) หลีกเลี่ยงการทำงาน หรืออาศัยอยู่ในที่ๆมีเสียงดัง หากจำเป็นต้องใส่เครื่องป้องกัน
(2) งดสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือกลั้นจาม เพราะอาจทำให้เยื่อแก้วหูมีปัญหาได้
(3) งดแคะขี้หูเอง เพราะขี้หูเป็นขี้ผึ้งรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ การแคะหู อาจทำให้เกิดการอักเสบและเยื่อแก้วหูฉีกขาดได้
(4) ฝึกนวดติ่งหู กับฝึกใช้นิ้วเคาะกระโหลกศีรษะบริเวณท้ายทอย
4. ปอด : หลังอายุ 30 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี ประสิทธิภาพการทำงานของปอดจะลดลงราวร้อยละ 1
จะยืดอายุปอด ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร ?
(1) ว่ายน้ำ หรือ วิ่ง หรือเดินอย่างน้อยวันละ 10,000 ก้าว
(2) ใช้สมุนไพรไทยปรับธาตุ ดื่มน้ำขิงกระเทียมสดคั้นทุกเช้าก่อนอาหารเช้าครั้งละ 1 ช้อนโต้ะ
(3) หลีกเลี่ยง ควันธูป ควันจากการประกอบอาหาร ฝุ่นขนาดเล็ก และสารเคมีที่มีไอระเหยต่างๆ
(4) ฝึกลมปราณกรรมฐาน เพื่อฝึกหายใจอย่างมีศิลปะ หายใจได้ลึกและยาว
5. หัวใจ : หลังอายุ 65 ปี ทุกคนจะเริ่มมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจที่ลดลง สวนทางกับอัตราการหนาตัวของผนังหัวใจที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ปี อัตราการสูบฉีดโลหิตสูงสุด จะลดลงราวร้อยละ 10
จะยืดอายุหัวใจ ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร ?
(1) คุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเลี่ยงอาหารรสจัดทุกชนิดไม่ว่าหวาน มัน เค็ม เปรี้ยว เผ็ด และเพื่อรักษาความดันโลหิต
(2) รำมวยจีน เดินวันละหมื่นก้าว ว่ายน้ำ วิ่งเล่น โยคะ ร่วมถึงการยกน้ำหนักเพื่อ ช่วยให้หัวใจทำงานต่อเนื่อง กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง
(3) หมั่นไปทำกิจกรรมในสวนสาธารณะ หรือหากิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายในที่โล่งแจ้ง ผู้ที่มีงานอดิเรกเหล่านี้จะมีความเสี่ยงโรคหัวใจน้อยกว่าคนทั่วไปมาก
6. ไต : หลังอายุ 50 ปี ไตจะเริ่มเสื่อมลงทีละน้อยๆ จนกระทั่งไตวาย
จะยืดอายุไต ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร ?
(1) แต่ละวันดื่มน้ำให้เพียงพอ งดเว้นการดื่มน้ำอัดลม
(2) งดปรุงแต่งรสอาหารโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล เกลือ หรือซอสต่างๆ
(3) ควบคุมน้ำหนักตัว และความดันโลหิตไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน
(4) หมั่นใช้ฝ่ามือที่ถูจนร้อนมาประคบที่ไต
7. สำไส้ : หลังอายุ 60 ปี ปุ่มเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารในลำไส้เล็ก จะบางลง ร่างกายจึงดูดซึมสารอาหารได้น้อยลงตามไปด้วย
จะยืดอายุลำไส้ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร ?
(1) หันมากินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ปลา ถั่ว เห็ด รวมถึงผักผลไม้ให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารทอด ปิ้ง ย่าง
(2) กินโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน เพื่อเสริมโปรไบโอติก เพิ่มปริมาณแบคทีเรียดีในลำไส้
(3) ฝึกโยคะ หรือฝึกมวยจีน-ชี่กง หรือฝึกกายบริหาร ที่ช่วยระบบขับถ่ายทุกเช้าหลังตื่นนอน
(4) หมั่นนวดหน้าท้องแบบเต๋าเป็นประจำ
8. ผิวหนัง : หลังอายุ 18 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังจะลดลงประมาณร้อยละ 1
จะยืดอายุผิวหนังให้เต่งตึงยาวนานได้อย่างไร ?
(1) ฝึกขมิบก้น ฝึกขมิบกล้ามเนื้อรอบรูทวารหนักเป็นประจำ
(2) ฝึกลมปราณกรรมฐาน จนกระทั่งราวกับหายใจทางผิวหนังได้
(3) หลีกเลี่ยงให้ผิวหนังโดนแดดแรงๆเป็นประจำ
9. กระดูก : หลังอายุ 35 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปีความหนาแน่นของมวลกระดูกจะลดลงราวร้อยละ 1 และจะมีอัตราลดลงเร็วขึ้น เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนในเพศหญิง หรือเข้าสู่วัยทองในเพศชาย
จะยืดอายุกระดูกให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร ?
(1) เดินวันละหมื่นก้าว ฝึกยกน้ำหนัก ฝึกย่อขาต่ำๆ ฝึกอาวุธประเภทดาบหรือพลอง
(2) ทานอาหารที่เปี่ยมแคลเซียม เช่น น้ำพริก ปลาทู ปลานึ่ง ปลาย่างกับผักสด เป็นประจำ
10. กล้ามเนื้อ : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี มวลกล้ามเนื้อจะลดลง และเปลี่ยนเป็นไขมัน อัตรานั้นไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
จะยืดอายุกล้ามเนื้อ ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร ?
(1) ฝึกเดินวันละหมื่นก้าว ฝึกรำมวยจีนประเภทรำเร็ว รำพลิ้ว
(2) ฝึกยกน้ำหนัก ฝึกอาวุธประเภทดาบ พลอง
การดูแลกายหยาบอย่างมีปัญญา คือการใช้กิจกรรมในแต่ละวันในการดูแลกายหยาบให้เป็นการฝึกกายทิพย์ไปพร้อมๆกันด้วย
ซึ่งก็คือ การเจริญลมปราณกรรมฐานนั่นเอง
สุวินัย ภรณวลัย