รับขวัญปีใหม่ของแพงรัวๆ ก.พานิชหายตัวไปไหน
ต้องยอมรับเลยว่า โรคอุบัติใหม่อย่างไวรัสโควิด 19 ส่งผลกระทบไปทั่วประเทศอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจของประเทศด้านการท่องเที่ยว, การเลิกจ้างงาน หรือลดจำนวนพนักงานลง ส่งผลให้คนตกงาน ขาดสภาพคล่องทางการเงินและรายได้ไม่พอกับรายจ่ายในครอบครัว, เยาวชนไม่ได้รับการศึกษาที่เพียงพอและทั่วถึงเนื่องจากต้องหันมาเรียนออนไลน์, ธุรกิจต่างๆ ร้านอาหาร รายได้ถดถอย ผู้ประกอบการยังมีกำลังในการขายแต่กำลังในการซื้อไม่มี หรือบางธุรกิจปิดตัวลงไป
สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนที่ต้องลำบาก และประคับประครองตนเองอย่างเรื่อยมา ล่าสุดเจ้าโรคไวรัสโควิด 19 ถือกำเนิดสายพันธุ์ใหม่อย่างโอมิครอนชนิดที่ว่าติดกันได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงเท่านี้ วันนี้ก็มีเรื่องให้ประชาชนอย่างเราๆ เป็นเครียดอีกแล้ว กับราคาของอุปโภค,บริโภค และค่าบริการ ที่จ่อขึ้นราคากันหลายรายการ มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ…..
เริ่มที่รายการแรกเนื้อหมู ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมูเป็นสัตว์ที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกรับประทาน เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีและหาได้ง่ายตามท้องตลาด แต่วันนี้กลับมีราคาแพงถึงกิโลกรัมละ 250 บาท และคาดการณ์ว่าน่าจะแตะสูงถึง 300 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พบว่าสูงขึ้นมากกว่ากิโลกรัมละ 50 บาท ปัญหาหลักๆมาจากโรคไข้หวัดแอฟริกาในสุกร-ASF และเรื่องราคาอาหารสัตว์ที่แพงขึ้น
รายการที่สองไข่ไก่ ปรับราคาขึ้นถึงแผงละ 6 บาท หรือจากฟองละ 2.80 บาทเป็น 3 บาทขึ้นมาจากเดิม 20 สตางค์ ทุกขนาดทุกไซส์ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากราคาอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นและเนื่องจากสถานการ์ณโควิดทำให้ประเทศไทยไม่สามารถนำเข้าแม่ไก่ได้ จึงทำให้ผลผลิตไข่ขนาดเบอร์เล็ก 3-5 ลดน้อยลง เหลือเพียงแม่ไก่แก่ ที่สามารถผลิตไข่ขนาดใหญ่ได้เท่านั้น นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบถึงเนื้อไก่ที่ขึ้นราคาเช่นกันในกิโลกรัมละ 13 บาท เช่นจากเดิมราคาไก่ตัวอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท ตอนนี้ปรับเป็น 83 บาท และคาดว่าจะขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน
รายการที่สามค่าทางด่วน ถูกปรับขึ้นในอัตราตั้งแต่15-35 บาท ตั้งแต่ 15 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ดังนี้
-รถยนต์ 4 ล้อ เดิมราคา 50 บาทปรับเป็น 65 บาท
-รถ 6-10 ล้อ เดิมราคา 80 บาทปรับเป็น 105 บาท
-รถมากกว่า 10 ล้อ เดิมราคา 115 บาทปรับเป็น 150 บาท
ด้านประชาชนผู้ใช้บริการ พนักงานบริษัท คนขับแท็กซี่ ไม่เห็นด้วยกับการปรับราคาขึ้นในครั้งนี้ ด้วยสถานการณ์โรคระบาด ข้าวของที่แพงขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนท้อใจ และไม่สามารถแบกรับภาระตรงนี้ไว้ได้
นอกจากนี้ยังมีก๊าซหุงต้ม LPG คงราคาอยู่ที่ 318 บาทต่องั้น 15 กิโลกรัม จนถึง 31 ม.ค.นี้ และเตรียมขึ้นราคาแบบขั้นบันไดใน 1 ก.พ.นี้ รวมถึงค่าไฟ ที่จ่อขึ้นราคาสูงถึง 5% จากเดิมอยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย โดยคงราคานี้ตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย.65 และจะปรับขึ้นเป็น 16.71 บาทต่อหน่วย หลังจากเดือน เม.ย. นี้มาลุ้นกันอีกที การขึ้นราคาของอุปโภค,บริโภค รวมถึงค่าบริการ ส่งผลกระทบไปถึงผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร เช่น ชาบู, สุกี้, ร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ต่างพากันขึ้นราคาไปด้วย เพราะเหล่านี้ต่างเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญของอาหาร แล้วประชาชนอย่างเราจะต้องทำอย่างไรในวันที่ข้าวของแพงขึ้นเกือบเท่าค่าแรงขั้นต่ำ
อ้างอิงจาก: ไทยรัฐ