เนื้อหมูแพง กับการแก้ปัญหาที่ไม่ได้หมูสมชื่อ
ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวเรื่องร้านอาหารประกาศขอปรับขึ้นราคาค่าอาหาร เนื่องจากวัตถุดิบหลักอย่างเนื้อหมู มีการปรับราคาสูงขึ้น จนทำให้ร้านต้องประกาศขอขยับราคาตามราคาเนื้อหมูเช่นกัน สาเหตุหลักที่ทำให้เนื้อหมูแพง เกิดจากภาวะโรคระบาด ภาวะขาดทุนสะสม และที่สำคัญ จากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยปัญหาที่รอบด้าน แต่ไม่เคยมีทางออกที่แก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างแท้จริง จนทำให้สถานการณ์การเลี้ยงหมูทั้งระบบในประเทศไทยมีปัญหาสะสมมาจนถึงทุกวันนี้
แล้วสาเหตุใดบ้างที่ทำให้เนื้อหมูในประเทศมีราคาสูงขึ้น
1. มีการบริโภคเพิ่มมากขึ้นจากการคลายล็อคดาวน์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเรียน ช่วงเทศกาล และร้านอาหารต่างๆ เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
2. เกิดโรคระบาดหมูทั้งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน
3. หมูโตไม่ทัน เนื่องจากเกษตรกรที่ทำฟาร์มเลี้ยงหมูลดลง เพราะโควิด-19 จนทำให้ต้องปิดกิจการ และปัญหาฟาร์มเลี้ยงหมูน้ำท่วม จากวิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมา จนทำให้การผลิตหมูในประเทศลดลงจากปีก่อนกว่า 30%
เพราะปัจจัยเหล่านี้ ทำให้เนื้อหมูที่มีอยู่ในท้องตลาดลดน้อย จนส่งผลให้เนื้อหมูมีราคาสูงขึ้น ตาม Demand มากกว่า Supply นั่นเอง
แล้วประเทศไทยเราอยู่ตรงส่วนไหนของเวทีโลก ข้อมูลจาก Livestock and Poultry, World Markets and Trade, USDA กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ปี 2561 พบว่า
• อันดับที่ 1 ประเทศจีน เป็นผู้ผลิตเนื้อหมูรายใหญ่ที่สุดของโลก สามารถผลิตได้ถึง 54 ล้านตัน
• อันดับที่ 2 สหภาพยุโรป ผลิตได้ 24 ล้านตัน
• อันดับที่ 3 สหรัฐอเมริกา ผลิตได้ 11.9 ล้านตัน
ส่วนในอาเซียนมีทั้งเวียดนาม ที่สามารถผลิตได้ 2.8 ล้านตัน และฟิลิปปินส์ ผลิตได้ 1.6 ล้านตัน ในขณะที่ประเทศไทยถึงแม้ว่ากำลังในการผลิตสุกรจะมากขึ้นทุกปี และใช้บริโภคในประเทศเป็นหลักถึง 97% แต่ก็สามารถผลิตได้เพียง 1.56 ล้านต้น
ส่วนสำคัญที่สุดก็คือ ในขณะที่ก่อนหน้านี้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ มากมาย จนทำให้เกิดภาวะขาดทุนสะสม แบกรับหนี้สินจากราคาผันผวนของเนื้อหมู ภาวะวิกฤตโควิด-19 ภาวะโรคระบาด และอุทกภัย
“ปัญหารอบด้าน ประกอบกับราคาที่ไม่จูงใจ เกษตรกรรายที่ไปต่อไม่ไหวเพราะไม่มีทุนก็จำต้องเลิกอาชีพไป ปัจจุบันมีเกษตรกรเหลือในระบบเพียง 8 หมื่นราย จากที่เคยมีอยู่มากถึง 2 แสนรายทั่วประเทศ ปริมาณแม่สุกรพันธุ์จาก 1.1 ล้านตัว ลดลงเหลือ 6.6 แสนตัว หรือหายไปกว่า 40% กระทบต่อปริมาณสุกรขุนเหลือเพียง 15 ล้านตัวต่อปี จากที่เคยมีถึง 19-20 ล้านตัวต่อปี หรือหายไป 30%” นายรัฐพล ศรีเจริญ นักวิชาการอิสระด้านปศุสัตว์ กล่าว
สินค้าเกษตรราคาแพง ผู้บริโภคเดือดร้อน
สินค้าเกษตรราคาถูก เกษตรกรก็ขาดทุน
ส่วนเงินช่วยเหลือของรัฐบาล ยิ่งไม่ใช่ทางออก แต่เป็นแค่การชะลอปัญหาลงเท่านั้น
ดังนั้น รัฐบาลควรจะต้องลงมือส่งเสริมอย่างจริงจัง ในการเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเหล่านี้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแหล่งเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ยืดระยะชำระหนี้ให้ยาวขึ้น และควรส่งเสริม พร้อมสนับสนุนสิทธิประโยชน์ให้กับเกษตรกรให้เห็นอนาคตในอาชีพ
ในขณะที่ผู้บริโภคยังคงมีทางเลือกหาอาหารชนิดอื่นทดแทนได้ ไม่ว่าจะ เนื้อไก่ เนื้อวัว ปลา หรือแม้แต่อาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพ แต่เกษตรกรมีอาชีพเพียงอาชีพเดียว นั่นคือ การเลี้ยงสุกร ที่ต้องเลี้ยงทั้งตัวเองและก็ครอบครัว
การหาสมดุลให้เจอระหว่างผู้บริโภค และเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู หรือสินค้าเกษตรชนิดอื่นๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การปล่อยให้สินค้าเกษตรขยับขึ้น-ลง ให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ตามฤดูกาลจะดีที่สุด การเข้าไปควบคุมราคา ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดแน่นอน
ลองคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ ถึงความเป็นจริง
แล้วคุณจะรู้ว่า เหรียญมีสองด้านเสมอ
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ https://www.swinethailand.com/