ตำนานของ 'นกกระดาษ'สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ?
ตำนานพับนกกระเรียนกระดาษพันตัวสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
"นกกระดาษนี่จะทำให้ฉันหายป่วยได้ยังไง?"
ซาดาโกะถามชิซูโกะเพื่อนสนิทซึ่งมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลพร้อมด้วยนกกระเรียนที่พับขึ้นจากกระดาษสีทอง
"เธอจำตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับเรื่องนกกระเรียนไม่ได้หรือ... เขาเชื่อกันว่า.. นกกระเรียนนั้นจะมีอายุถึงพันปี ถ้าหากว่าคนที่เจ็บป่วยสามารถพับนกกระเรียนได้ถึงพันตัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะทำให้คนนั้นกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง"
ชิซูโกะยื่นนกกระเรียนกระดาษให้ซาดาโกะแล้วบอกว่า
"นี่คือนกกระเรียนตัวแรกของเธอ"
นี่คือเรื่องราวของซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงไร เรื่องของเด็กผู้หญิงคนนี้กับสิ่งที่เธอทำก็ยังไม่เคยเลือนหายจากความทรงจำของผู้คนทั่วโลก
~ ซาดาโกะ ซาซากิ ~
ซาดาโกะ ซาซากิ เด็กผู้หญิงชาวญี่ปุ่นผู้ต่อสู้กับโรคร้ายผลจากภัยสงครามโลก ตำนานคำอธิษฐานด้วยการพับนกกระเรียนกระดาษ 1,000 ตัว
ซาดาโกะ เกิดเมื่อ 7 มกราคม ค.ศ. 1943 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ในครอบครัวช่างตัดผม เธอเป็นลูกคนที่สอง มีพี่ชายหนึ่งคน น้องสาวหนึ่งคน และน้องชายหนึ่งคน
ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่ซาดาโกะอายุราวสองขวบ สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 บ้านของเธออยู่ห่างจากจุดระเบิดไม่ถึงสองกิโลเมตรเท่านั้น ซาดาโกะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่หารู้ไม่ว่าผลกระทบจากกัมมันตรังสีจะส่งผลกระทบอย่างให้หลวงในภายภาคหน้า
เมื่อซาดาโกะอายุได้ 12 ปี ใน ค.ศ. 1955 เธอเป็นเด็กผู้หญิงปกติและมีความสุขเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เธอมีความฝันที่จะเป็นนักวิ่ง แม่ของซาดาโกะระบุว่าตั้งแต่ซาดาโกะยังเล็ก ๆ เธอหัดวิ่งก่อนหัดเดินเสียอีก
วันหนึ่งหลังจากการแข่งขันวิ่งผลัดครั้งสำคัญที่เธอช่วยให้ทีมของเธอชนะ ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกเหนื่อยล้า เวียนศีรษะ และเจ็บหัวใจ แต่ไม่นานอาการเหล่านี้ก็หายไป ซาดาโกะคิดเพียงว่ามันเป็นอาการหลังจากการออกแรงวิ่งแข่งเท่านั้นและไม่ได้บอกให้ใครรู้ แต่ไม่นานหลังจากนั้น เธอกลับมีอาการเหล่านี้อยู่เรื่อย ๆ และเริ่มมีอาการถี่มากยิ่งขึ้น
วันหนึ่ง ซาดาโกะรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างมากจนเธอล้มลงและไม่สามารถลุกขึ้นได้ เพื่อนในโรงเรียนของเธอจึงรีบแจ้งครูและพาไปรักษา พ่อและแม่ของซาดาโกะพาเธอไปที่โรงพยาบาลกาชาดเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่?..
หลังจากการวินิจฉัยของแพทย์ก็พบว่า ซาดาโกะป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบฉับพลัน หรือ ลูคีเมีย ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะป่วยเป็นโรคนี้ได้
ในช่วงเวลานั้นมักเรียกโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวว่า “โรคระเบิดปรมาณู” หรือ “A-bomb disease”
เกือบทุกคนที่ป่วยเป็นโรคนี้เสียชีวิตเพราะผลกระทบและความรุนแรงจากกัมมันตรังสีนั้นส่งผลต่อผู้ป่วยอย่างสาหัส อีกทั้งวิทยาการทางการแพทย์และการรักษาในสมัยนั้นยังทำได้ยาก จึงทำให้ซาดาโกะหวาดกลัวมาก เธอต้องการกลับไปเรียนหนังสือ แต่เธอทำได้เพียงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
วันหนึ่งเพื่อนสนิทของซาดาโกะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล โดยนำนกกระเรียนกระดาษ ซึ่งเป็นศิลปะการพับกระดาษแบบญี่ปุ่น หรือ โอริงามิ มาให้ เธอบอกกับซาดาโกะว่า
“ในตำนานโบราณของชาวญี่ปุ่น มีนกกระเรียนนกศักดิ์สิทธิ์อายุยืนยาวหลายร้อยหลายพันปี เชื่อว่าหากพับนกกระเรียนกระดาษ 1,000 ตัว จะสามารถอธิษฐานขอพรได้ตามที่ปรารถนา”
หลังจากได้ยินตำนานนี้ซาดาโกะจึงตัดสินใจพับนกกระเรียนกระดาษให้ครบ 1,000 ตัวด้วยความหวังว่าเธอจะหายป่วยและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง
ซาดาโกะยังคงพับนกกระเรียนกระดาษต่อไปด้วยความร่าเริงและมีความหวัง แต่อาการของเธอกลับยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ กระทั่งเธอจากไปอย่างสงบ ในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1955 ตลอดระยะเวลาหลายเดือนในโรงพยาบาล ซาดาโกะพับนกกระเรียนกระดาษได้สำเร็จเกิน 1,000 ตัว
สำหรับเรื่องเล่าที่เธอพับได้ 644 ตัวนั้นมาจากนวนิยายเรื่อง Sadako and the Thousand Paper Cranes เขียนโดย Eleanor Coerr นักเขียนชาวแคนาดาเท่านั้น
ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1958 เกือบ 3 ปีหลังจากที่ซาดาโกะเสียชีวิต ได้มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์แห่งสันติภาพขึ้น หรือเรียกว่า “อนุสรณ์สันติภาพเยาวชน” ที่สวนสันติภาพฮิโรชิม่า ซึ่งตรงกับวันเด็กของประเทศญี่ปุ่น
อนุสาวรีย์นี้อุทิศเพื่อระลึกถึงภัยร้ายของสงครามที่สร้างความเจ็บปวดให้กับชีวิตของเด็กทุก ๆ คนที่ต้องเสียชีวิตเนื่องด้วยภัยของสงคราม ข้อความที่ถูกจารึกบนอนุสาวรีย์เขียนไว้ว่า
“This is our cry, This is our prayer, Peace in the world”
“นี่คือเสียงร้องไห้ของเรา นี่คือคำอธิษฐานของเรา ขอจงมีความสงบสุขในโลก”
อ้างอิงจาก: ซาดาโกะ ซาซากิ,Silpa-Mag,วิกิพีเดีย













