สหราชอาณาจักรกระชับข้อ จำกัด เพื่อป้องกัน Omicron

สหราชอาณาจักรกำหนดให้ผู้โดยสารขาเข้าทั้งหมดทำการทดสอบโควิด-19 48 ชั่วโมง

ก่อนออกเดินทาง เมื่อบันทึกการติดเชื้อ Omicron ทั้งหมด 160 ราย

"เราได้ดูข้อมูลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือประมาณนั้นเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับ Omicron

และเราเห็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางมากขึ้นเรื่อย ๆ " Sajid Javid รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรกล่าว

เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ผู้โดยสารทุกคนจะต้องทำการทดสอบ Covid-19 ภายใน 48 ชั่วโมง

ก่อนเดินทางมาถึงสหราชอาณาจักร โดยไม่คำนึงถึงสถานะการฉีดวัคซีน และจำเป็นต้องมีผลลบเพื่อเข้าประเทศ

ปัจจุบัน ผู้คนที่เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรเพียงแต่กักตัวเองและรอผลการทดสอบเป็นลบภายในสองวันก่อนเดินทางมาถึง

ในเวลาเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษยังได้เพิ่มไนจีเรียใน "บัญชีแดง"

ของการจำกัดการเดินทางไปสหราชอาณาจักร ไนจีเรียเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมตรวจพบการติดเชื้อตัวแปร Omicron

จำนวน 3 รายในผู้เข้าชมจากแอฟริกาใต้ ก่อนหน้านี้สหราชอาณาจักรสั่งห้ามเที่ยวบินจากแอฟริกาใต้ นามิเบีย

บอตสวานา ซิมบับเว เลโซโท และเอสวาตีนีตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน

และพลเมืองอังกฤษที่เดินทางกลับจากประเทศเหล่านี้จะต้องถูกกักกัน

รัฐมนตรี Javid กล่าวว่ามีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อชะลอการเข้ามาของตัวแปร Omicron

สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ระบุว่าสหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อ

Omicron เพิ่มอีก 26 ราย ทำให้ยอดรวมเป็น 160 ราย สหราชอาณาจักรถูกมองว่าเป็นผู้นำ

ในการทดสอบทางพันธุกรรมและความพยายามในการจัดลำดับ

นายจาวิด กล่าวเสริมว่า รัฐบาลอังกฤษยังคงสนับสนุนให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในขณะที่ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติของโควิด-19

ตัวแปร Omicron เดิมมีชื่อรหัสว่า B.1.1.529 รายงานโดยแอฟริกาใต้ไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO)

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และต่อมาถูกจำแนกโดย WHO ว่าเป็นตัวแปรที่น่าเป็นห่วง กว่า 30 ประเทศ

และดินแดนได้บันทึกกรณีของการกลายพันธุ์นี้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับคลื่นที่เป็นอันตรายของการติดเชื้อ

และส่งสัญญาณว่าการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ยังไม่จบ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับความรุนแรงและการแพร่เชื้อของ

Omicron รวมถึงการหลบเลี่ยงแอนติบอดีได้ดีเพียงใด

โลกมีบันทึกการติดเชื้อมากกว่า 265 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 5.2 ล้าน

รายนับตั้งแต่การระบาดในช่วงปลายปี 2019