ไทยเลื่อนอันดับประเทศปล่อยขยะลงทะเลแล้ว
ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด ร่วมสืบสานประเพณีไทย ในวันเพ็ญเดือน 12 หรือวันลอยกระทง เพื่อเป็นการขอขมาพระแม่คงคา ที่ตนเองได้ทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล ลงในแม่น้ำลำคลอง ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ แต่ละจังหวัดมีการจัดกิจกรรมที่แตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่ลอยกระทงลงในแม่น้ำเท่านั้น เช่น
- กิจกรรมเผาเทียนเล่นไฟ ที่จังหวัดสุโขทัย
- กิจกรรมประเพณียี่เป็ง (โคมลอย) ที่จังหวัดเชียงใหม่
- กิจกรรมลอยกระทงสาย ที่จังหวัดตาก
ซึ่งปีนี้คึกคักไม่แพ้ปีที่ผ่านๆมา มีการทำกระทงจากวัสดุเหลือใช้และย่อยสลายได้ เป็นมิตรต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บางคนก็หันมาลอยกระทงออนไลน์แทนเพื่อรักษาประเพณีและลดความเสี่ยงจากการออกจากบ้านอีกด้วย รวมไปถึงเหล่าคนดัง เซเล็ป และบุคคลสาธารณะ หันมาให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นกระบอกเสียงสำคัญ ในการรณรงค์ และต้องยอมรับว่าบุคคลเหล่านี้มีอิทธิพลไม่น้อยที่ให้ประชาชนเห็นความสำคัญ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย แต่การสื่อสารลงสื่อโซเชียลมีเดีย หากนำเข้ามูลเก่าที่ไม่อัพเดทหรือเป็นปัจจุบัน อาจทำให้ประชาชนผู้รับข่าวสารได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อน เข้าใจผิด ดังเช่นโพสต์นี้
จากเพจเฟซบุ๊ค Wannasingh Prasertkul (วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล) ที่โพสต์ในคืนวันลอยกระทงว่า “วันที่ไม่ลอยประเทศไทยก็ปล่อยขยะพลาสติกลงทะเลเป็นอันดับ 6 ของโลกอยู่ละนะ”
โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การนำของ นายวราวุธ ศิลปอาชา ผลักดันโครงการ Everyday Say No To Plastic Bags ที่ดึงห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ หันมายกเลิกการใช้ถุงพลาสติกแบบมีหูหิ้ว ตั้งแต่ 1 ม.ค.63 ที่ผ่านมา และโครงการ Save Marine for My Life หรือโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมและสนับสนุนภารกิจของชุมชนชายฝั่ง เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หน้าบ้านใครหน้าบ้านมัน ภายใต้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อรณรงค์ สร้างความเข้าใจ และขอความร่วมมือจากชุมชนที่อาศัยตามแนวชายฝั่งของประเทศไทย มาร่วมกันรักษาความสะอาดบนชายฝั่ง รวมถึงฟื้นฟูและอนุรักษ์ชายฝั่ง เพื่อลดปริมาณขยะในทะเล เพราะขยะส่วนใหญ่ล้วนแล้วมาจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น นับเป็นข่าวดี หลังจากที่ผลักดันทั้งสองโครงการ ประเทศไทยได้ร่นอันดับมาอยู่ที่อันดับ 10 แล้ว โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คาดว่าประเทศไทยจะสามารถลดอันดับในด้านการผลิตขยะลงทะเลได้อีกแน่นอน
ปัจจุบันหน่วยงานรัฐ เอกชน ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ได้หันมาใช้วัสดุทางธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ รวมถึงวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีก เช่น ถุงผ้า นี่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า โครงการฯ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ทำให้ประชาชนมีการตื่นตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมในการช่วยกันลดการใช้พลาสติก โฟม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น