ภาพบนผนังระเบียงด้านนอกปราสาทบายน ไม่ใช่การลอยกระทง!
ปริศนาภาพบนผนังระเบียงด้านนอกปราสาทบายน และปราสาทบันทายฉมาร์ ไม่ใช่การลอยกระทง!
เมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๘ ในงานเขียนเรื่อง "ลอยกระทง เรือพระราชพิธี วัฒนธรรมนํ้าร่วมราก" (หน้า ๑๓-๑๔) (รูปที่ ๑๐ อ้างอิง)ได้มีท่านผู้รู้ได้เสนอว่า ระเบียงด้านนอกมุมผนังด้านทิศใต้มุมตะวันออกของปราสาทบายน "เป็นภาพสลักเล่าเรื่องพิธีกรรมขอขมาธรรมชาติในศาสนาผี ด้วยเครื่องเซ่นใส่ภาชนะลอยน้ําจากธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วย, กระบอกไม้ไผ่, กะลามะพร้าว ฯลฯ มักทำในบริเวณน้ําท่วมถึง เช่น แม่น้ำ ลำคลอง ฯลฯ มีในราชสํานักกัมพูชามาก่อนนานแล้ว (ก่อนยุคสุโขทัย) บริเวณโตนเลสาบ (ทะเลสาบ) ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มขนาดมหึมา หลักฐานอยู่ในภาพสลักปราสาทบายน ราว พ.ศ.๑๗๕๐ เป็นรูปเจ้านาย, ขุนนาง, และนางใน ฯลฯ ลงเรือทําพิธีกรรมขอขมา มีภาชนะอย่างหน่ึงคล้ายกระทง ทําจาก ใบตองหรือหยวกกล้วยบรรจุเครื่องเซ่น" (รูปที่ ๑ และรูปที่ ๒ พร้อมคำบรรยายภาพและความเข้าใจประกอบเรื่อง )
ตามลิ้งค์นี้
https://arts.tu.ac.th/culture/Master%20Kratong4.pdf
ต่อมาได้มีผู้เสนอว่านั่นคือ พิธีลอยกระทงซึ่งเกิดขึ้นที่เขมร และมีวิวาทะกับนักวิชาการประวัติศาสตร์สุโขทัยบางท่าน เนื่องจากจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของการกำเนิดกระทงขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยสุโขทัย
อย่างไรก็ดีแม้แต่การนำชมของมัคคุเทศก์ชาวกัมพูชาก็เชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน อาจเป็นเพราะเมื่อพิจารณาภาพแกะสลักนี้แล้วก็ตีความและว่าตามกันไป
การตีความภาพแกะสลักบนผนังปราสาทบายนซึ่งเป็นศูนย์กลางของนครธมมีอายุราว พ.ศ.๑๗๕๐ ได้มีการตีความภาพต่างๆมานานแล้ว แต่เฉพาะภาพนี้ในความเห็นผู้เขียนอาจไม่ใช่พิธีลอยกระทงหรือการสะเดาะเคราะห์ขอขมาต่อสายน้ำตามที่เข้าใจ และดูเหมือนมีเจตนาจงใจตัดภาพมาเฉพาะส่วน เพื่อให้ตรงกับความคิดที่ได้ตีความเอาไว้ (สังเกตที่รูปที่ ๑ ภาพถ่าย และรูปที่ ๒ ที่เป็นลายเส้น)
ในการตีความภาพผนังควรทำความเข้าใจเรื่องราวที่ต่อเนื่องของภาพด้วยเพราะหากพิจารณาเฉพาะจุดหนึ่งจุดใดของภาพอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ และการอ่านภาพที่ผนังระเบียงนี้โดยปกติต้องอ่านไปในระนาบตอนเดียวกันของภาพไม่ใช่จากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบน
อายุของภาพแกะสลักนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วง พ.ศ.๑๗๕๐ บวกลบคงไม่มากน้อยไปกว่านี้ หากแต่แกะสลักไม่เสร็จและบางช่วงแค่ขึ้นรูปโกลนเอาไว้ ภาพแกะสลักที่ระเบียงจะเล่าเรื่องแบ่งผนังออกเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ตอนบน ตอนกลางและตอนล่าง และพึ่งมีการบูรณะปฏิสังขรณ์อีกครั้งในปัจจุบัน
ตอนบนของภาพสลักในช่วงนี้แทบจะมองไม่เห็นเลย เหลือแต่ตอนกลางและตอนล่างที่แกะสลักไม่เสร็จหากแต่พอมองออกว่าน่าจะเป็นภาพเล่าเรื่องพิธีกรรมบางอย่าง
พิธีนี้น่าจะเป็นพิธีทำขวัญข้าว มากกว่าพิธีลอยกระทงตามที่มีผู้กล่าวถึง หากพิจารณาภาพแกะสลักตอนล่างจะพบว่าในช่วงแรกมีบุคคลในภาพจำนวน ๖ คน ซึ่งถือสิ่งของและกระทำการบูชาในมือ ๔ คน และอีกสองคนโน้มตัวลงมาเหมือนแสดงความเคารพ พวกเขาเหล่านี้เข้าแถวเรียงกันในระนาบเดียวกันสลับกับต้นไม้ที่พริ้วไหวไปสู่ศูนย์กลางที่มีต้นไม้ในลักษณะเดียวกันแต่ต้นใหญ่กว่า มีการแกะสลักรูป "หนู" หันหน้าเข้าหาโคนลำต้น ๑ ตัว (รูปที่ ๓)
ต้นไม้ที่เราเห็นในภาพแกะสลักนี้น่าจะเป็นต้นข้าวที่กำลังออกรวง (ข้าวตั้งท้อง) ท้องนาชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ จึงปรากฏคนหาปลา ๓ คนอยู่ถัดไปทางขวา
(รูปที่ ๔ ถ่ายโดยอาจารย์สร้อยนภา พันธุ์คง) ของบุคคลอีกสองคน กำลังประกอบพิธีที่โคนต้นไม้ต้นใหญ่นี้
(รูปที่ ๕) อย่างไรก็ดีหากบุคคลทั้งหมดในภาพเมื่อยืนขึ้นจะสูงกว่าระดับต้นไม้เหล่านี้
กล่าวโดยสรุป ถ้าใช้ตัวผนังเป็นเกณฑ์ จะเป็นดังนี้
จากขวาไปซ้าย ----รูปคนกำลังหาปลา ๓ คน -รูปคนประกอบพิธี ๒ คน- รูปคนเข้าแถวสลับกับต้นข้าวที่ตั้งท้องออกรวง ๖ คน ในจำนวนนั้นมี ๔ คนใน ๒ คนที่ ถือสิ่งของในมือ (ควรเป็นเครื่องเซ่นไหว้) (รูปที่ ๖)
ด้วยเหตุนี้ภาพแกะสลักที่ผนังด้านนี้จึงควรเป็นการแสดงพิธีทำขวัญข้าว เพื่อบูชาพระแม่โพสพ (รูป ๗)
ซึ่งกระทำขึ้นในเวลาที่ต้นข้าวตั้งท้องออกรวง (รูปที่ ๘)
ใครเห็นเป็นอย่างอื่นผู้เขียนยินดีรับฟังและพร้อมเปลี่ยนความคิดในการตีความได้ครับ ส่วนตอนกลางของภาพบนผนังที่มีสตรีขั้นสูงและเหล่าผู้ติดตามอยู่บนเรือพร้อมประดับพระเกียรติด้วยเครื่องสูงนั้น ก็เป็นอีกภาพหนึ่งซึ่งไม่น่าจะสัมพันธ์อะไรกับภาพตอนล่าง อีกทั้งสิ่งของที่อยู่ในมือของเหล่าบรรดาผู้ติดตามก็มิใช่กระทงที่นำมาลอยแต่อย่างใด และไม่ใช่เรือเพียงลำเดียวที่อยู่ในภาพตอนกลางของผนังนี้ ยังมีอีกหลายลำที่เรียงเข้าแถวในระนาบเดียวกันซึ่งไม่มีการนำกระทงติดมือมาแต่อย่างใด (รูปที่ ๙)
ผู้แปลความหมายของภาพอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นกระทงจึงเขียนลายเส้นไว้ (ดูรูปที่ ๒ ประกอบ)
========
เทพมนตรี ลิมปพยอม
๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙