เด็กเรียนไม่ทัน! เสี่ยงหลุดจากระบบ แนะโรงเรียนใช้ 5 มาตรการฟื้นฟู
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ 11 เครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเอง จัดเสวนาออนไลน์ “โรงเรียนเปลี่ยนใหม่ ปิด Gap ห้องเรียนยุคโควิด-19 ครั้งที่ 1” ในงานเสวนาได้มีการพูดถึงหลายประเด็นที่น่าสนใจ..
ภาวะการเรียนรู้ถดถอย (Learning Loss) หรือ ช่องว่างการเรียนรู้ (Learning Gap) เกิดขึ้นในระบบการศึกษาไทยมานาน และมากกว่าที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 ซึ่งเป็นช่องว่างที่ทำให้เด็กไม่ได้รับการพัฒนาและเรียนรู้เต็มศักยภาพ
นร. แต่ละคนมีพื้นฐานต่างกัน หากไม่ระวังอาจจะมีเด็กจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ผ่านเรียนรู้ขั้นต่ำและไม่ได้รับการดูแล จึงถือเป็นช่องว่างที่ต้องปิด
ต้องจัดระบบให้ นร. ไม่ว่าอยู่ห่างไกลแค่ไหน ต้องได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน โดยประเทศไทยสามารถทำได้ แต่ต้องกำหนดเป็นนโยบาย ซึ่งประเทศไทยยังมีวิธีปฏิบัติที่สร้างความแตกต่างและไม่เท่าเทียมอยู่
ครู เป็นหัวใจของการศึกษาที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ และ รร. ต้องเป็นชุมชนการเรียนรู้ของทั้งครูและ นร.
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนต้องดี นร. มีปัญหา ครูช่วยได้ และเป็นแรงบันดาลใจให้ นร. รวมถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับกับผู้บริหารก็ต้องดีด้วย โดยผู้บริหารต้องทำให้ครูมีพลัง ไม่ใช้อำนาจสั่งครู
เครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเองจึงพยายามใช้มาตรการที่ลดช่องว่างการเรียนรู้ให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เด็กหลุดออกจากระบบ โดยใช้มาตรการฟื้นฟูการเรียนรู้ถดถอยที่มี 5 ด้านสำคัญ ได้แก่
1. การประเมินสภาพแวดล้อมเด็กและครอบครัวทั้งระบบ เช่น สภาพชีวิตความเป็นอยู่ เศรษฐกิจของครอบครัว การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
2. การวางแผนของโรงเรียนทั้งระบบ ต้องวางแผนระดับโรงเรียน ทั้งระบบงาน มีทีม ทรัพยากรและงบประมาณ
3. สนับสนุนเครื่องมือและการพัฒนาครู
4. การช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล เพราะเราไม่สามารถใช้แผนเดียวทั้งห้องเรียนได้