แค่เห็นเกล็ดด้านหลัง ก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของปลาชนิดนี้แล้ว
เกล็ดที่เราได้เห็นนี้ เป็นเกล็ดของสิ่งมีชีวิตใดนั้นหรือ .... คำตอบของคำถามนี้ก็คือ "ปลาอะราไพม่า" หรือ พิรารูคู หรือที่นิยมเรียกกันว่า "ปลาช่อนอเมซอน " นั่นเอง แต่จริงๆ มันไม่ใช่ปลาในวงศ์ " ปลาช่อน " เด้อ (ฮา)
ปลาอะราไพม่า หรือที่นิยมเรียกกันในภาษาไทยว่า ปลาช่อนยักษ์อะเมซอน (อังกฤษ : Arapaima ; ชื่อวิทยาศาสตร์ : Arapaima gigas) เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ ในวงศ์ปลาอะราไพม่า (Arapaimidae) เป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มาก เกล็ดมีขนาดใหญ่ สีดำเงาเป็นมัน มีแถบสีแดง–ส้ม ตัดกับพื้นสีดำดูสวยงาม ในวัยเด็ก ปลาชนิดนี้ จะยังไม่มีสีสันมากนัก แต่ยิ่งตอนโต มีขนาดใหญ่ขึ้นมาเมื่อไหร่ สีสันตามสายพันธุ์ ก็จะเริ่มแสดงเด่นชัดมากขึ้นครับ
ตามธรรมชาติ เราสามารถพบได้ในแม่น้ำอะเมซอนและลุ่มน้ำสาขาในทวีปอเมริกาใต้ โดยชาวพื้นเมืองจะเรียกว่า พิรารูคู (Pirarucu) ขณะที่ชาวพื้นเมืองที่ประเทศเปรูจะเรียกว่า ไพชี่ (Phiche) ในหลายๆประเทศ มีการเลี้ยง เพื่อนำมาส่งออกเป็น ปลาสวยงาม และ เพื่อการบริโภค ซึ่งบอกได้เลยว่า ปลาชนิดนี้ มีเนื้อที่มีรสชาติดี และ เอร็ดอร่อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้น ในการจับจึงต้องทำกันอย่างระมัดระวัง เนื่องจาก บ่อยครั้ง เราพบว่า ปลาสามารถดีดตัว และ ฟาดหาง ไปถูกผู้ที่มาจับ ถึงขั้น สลบกลางอากาศ หรือ ลงไปนอนกอง มึนตึ๊บ กันอยู่พักใหญ่เลย ก็มีอยู่บ่อยครั้งมากครับ
ปัจจุบันนี้ ในประเทศไทยเรา ก็มีการเลี้ยงและเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้อยู่ โดยการเลี้ยงนั้น มักเพาะเลี้ยงในบ่อดิน ซึ่งเลียนแบบจากธรรมชาติจะทำให้ปลาอะราไพม่านั้นเติบโตได้ดี และ แข็งแรง รวมทั้งยังสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้อีกด้วย โดยพ่อแม่ปลาชนิดนี้ จะดูแลลูกในวัยอ่อน ใกล้เคียงกับพวกปลาช่อนดูแลลูกนั่นเองครับ แต่ต้องใช้เวลาในการเลี้ยงค่อนข้างนาน 7- 8 ปี ให้เขาโตเพียงพอก่อน ถึงจะเริ่มทำการผสมพันธุ์ได้ครับ ดังนั้น ผู้ที่จะทำธุรกิจด้านนี้ ควรจะต้องมี " เงินเย็น " อยู่มากพอตัวเลย ส่วนเรื่องการกิน การอยู่ ปลาชนิดนี้ไม่เรื่องมากครับ เลี้ยงดูไม่ยาก ขอให้น้ำสะอาดปราศจากคลอรีนก็พอ ส่วนอาหารก็ใช้ลูกปลาขนาดเล็กๆ ชนิดต่างๆ ที่เพาะขึ้นเองเอามาใช้ เพื่อลดต้นทุนในการเลี้ยงครับ


















