เตรียมมาตรการเยียวยาเกษตรกรหลังน้ำลด
นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เตรียมมาตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตร ในช่วงฤดูฝน ปี 2564 ที่เกิดร่องมมรสุมพาดผ่านประเทศไทย รวมถึงอิทธิพลจากพายุดีเปรสชัน “โกนเซิน” และ “เตี้ยนหมู่” ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักในบางพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลับและน้ำป่าไหลหลาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ สั่งการให้เตรียมมาตรการช่วยเหลือหลังน้ำลด ล่าสุดกระทรวงเกษตรฯ ให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยไปแล้ว โดยกรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 281 เครื่อง, เครื่องผลักดันน้ำ 99 เครื่อง, เครื่องจักรอื่นๆ 73 เครื่อง กรมประมงสนับสนุนเรือตรวจการ 7 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ 30 ราย และกรมปศุสัตว์อพยพสัตว์ จำนวน 100,854 ตัว สนับสนุนพืชอาหารสัตว์ จำนวน 152.2 ตัน สนับสนุนอาหาร TMR จำนวน 6 ตัน สนับสนุนแร่ธาตุ 450 ก้อน ถุงยังชีพสัตว์ จำนวน 930 ถุง และเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ จำนวน 1,580 ตัว
สำหรับการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และมาตรการอื่นๆ ของกระทรวงเกษตรฯ มีการปรับเกณฑ์เงินชดเชยเพิ่มขึ้นจากหลักเกณฑ์เดิมในปี 2556 กรณีเสียหายสิ้นเชิง ประกอบด้วย ด้านพืช ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท ไม้ผลไม้ยืนต้น และอื่นๆ ไร่ละ 4,048 บาท รายละไม่เกิน 30 ไร่ ด้านประมง ปลาทุกชนิด สัตว์น้ำอื่น ไร่ละ 4,682 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่ กุ้ง หอยทะเล ไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่ กระชัง บ่อซีเมนต์ ตรม. ละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตรม.
ด้านปศุสัตว์ อาทิ โค ตัวละ 13,000-35,000 บาท (ไม่เกินรายละ 5 ตัว) กระบือ ตัวละ 15,000-39,000 บาท (ไม่เกินรายละ 5 ตัว) สุกร ตัวละ 1,500-3,000 บาท (ไม่เกินรายละ 10 ตัว) ด้านอื่นๆ อาทิ ช่วยเหลือค่าขนย้ายดินโคลนไม่เกิน 35,000 บาท/ราย ช่วยเหลือค่าปรับเกลี่ยพื้นที่ เหมาจ่าย 800 บาท/ไร่ ช่วยเหลือค่าปรับพื้นที่ทำนาเกลือ ไร่ละ 1,220 บาท ไม่เกิน 30 ไร่ ช่วยเหลือค่าเครื่องมือประกอบอาชีพไม่เกิน 11,400 บาท/ครัวเรือน และช่วยเหลือค่าซ่อมแซมคอกสัตว์/โรงเรือน/ยุ้งข้าว ครัวเรือนละไม่เกิน 5,700 บาท เป็นต้น
ขณะเดียวกันได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรและซ่อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ประสบภัยในเบื้องต้น เช่น กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย อุทัยธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด เลย และศรีสะเกษ เป็นต้น ซึ่งจะเน้นการหยุดยั้งความเสียหายแก่ผลผลิต โดยเฉพาะไม้ผล ไม้ยืนต้น ปศุสัตว์ขนาดใหญ่ และเสริมสร้างสภาพคล่องทางการเงินแก่ครัวเรือนเกษตร รวมถึงการซ่อมแซมเครื่องจักรกลทางการเกษตรและสำรวจซ่อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทานประกอบด้วย คือ...
1. สำรวจความเสียหายและแจ้งสิทธิการช่วยเหลือทางการเงินตามระเบียบกระทรวงการคลัง/ประกันภัยกับ ธ.ก.ส. (ข้าว, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) การขยายระยะเวลาชำระหนี้/สินเชื่อ ทั้งการลดและปลอดดอกเบี้ย
2. จัดหน่วยเคลื่อนที่ลงปฏิบัติการ ให้คำแนะนำการฟื้นฟู ดูแลพื้นที่เสียหาย ทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ เพื่อบำรุง รักษา ฟื้นฟูผลผลิตให้สู่สภาพปกติ
3. สนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักร เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ทำการเกษตรและชุมชนลุ่มต่ำ เพื่อให้ชุมชนและพื้นที่เกษตรมีความพร้อมทำการผลิตรอบต่อไป
4. สนับสนุนอุปกรณ์และองค์ความรู้ในการปรับปรุงบำรุงดินและการบำบัดน้ำเสีย ทั้งในพื้นที่เกษตรและแหล่งน้ำของชุมชน เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผลผลิต
5. สนับสนุนปัจจัยการผลิต พันธุ์พืช พันธุ์ผัก กล้าพันธุ์พืชผัก ไม้ผล ชีวภัณฑ์ และพันธุ์สัตว์ เพื่อผลิตเป็นอาหารไว้บริโภค ลดรายจ่ายในครัวเรือน
6. ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อช่วยฟื้นฟูรักษาระบบนิเวศน์และเป็นแหล่งอาหารของชุมชน 7. สนับสนุนการซ่อมแซมเครื่องมือ เครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้งานในดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรได้ตามปกติ และ 8. สำรวจซ่อมสร้าง โครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทานเพื่อป้องกันภัยพิบัติและการบริหารจัดการน้ำในระยะต่อไปด้วย
อ้างอิงจาก: สำนักประชาสัมพันธ์เขต 7 กรมประชาสัมพันธ์