10 อันดับนวัตกรรมการออกแบบ E-Motorbike แห่งอนาคต / Top 10 Innovative Future E-Motorbike Designs

ในโลกปัจจุบัน จากการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนและมีสติกลายเป็นสิ่งจำเป็น การควบคุมปริมาณการใช้เชื้อเพลิง และการลดการปล่อยมลพิษจากยานยนต์กลายเป็นเรื่องสำคัญ และมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งสนับสนุนแนวทางนี้
และนี่คือคอลเล็กชั่นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสุดล้ำที่น่าทึ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่มิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังตอบสนองความต้องการด้านความเร็วของคุณอีกด้วย

1.Baxley Moto
แนวคิดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไร้ดุมแห่งอนาคต ผลิตภัณฑ์ของ เชน แบ็กซ์ลีย์ ศิลปินต้นแบบและนักออกแบบยานยนต์จากฮอลลีวูด การออกแบบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสุดล้ำที่ไม่เหมือนใครนี้ ผสมผสานการตั้งค่าศูนย์กลางล้อแบบคลาสสิก
เข้ากับชุดล้อแบบไม่ใช้ดุม และขอบล้อจะแทนที่ฟังก์ชันการทำงานของดุมล้อ ในขณะที่สวิงอาร์มสองด้านเชื่อมต่อกับด้านในของล้อสามจุด ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวถังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์แบบชิ้นเดียว ส่วนท้ายแบบยกสั้นที่ปิดท้ายด้วยเบาะนั่งเดี่ยว
และแผ่นกันกระแทกที่ยื่นออกมาเพื่อป้องกันแฟริ่งในกรณีที่ล้ม แบ็กซ์ลีย์โมโตยังมาพร้อม กระจกบังลมขนาดเล็กที่ซ่อนแผงหน้าปัดทรงกลมสุดคลาสสิก และติดตั้งแฮนด์จับแบบเตี้ย เพื่อให้ตำแหน่งการขี่ที่โค้งไปข้างหน้าดูดุดัน

2. MIMIC e-bike
แนวคิดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเสือหมอบตัวนี้ ได้รับออกแบบโดย Roman Dolzhenko ดีไซเนอร์ชาวรัสเซีย สร้างรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีตัวถังเหมือนเกราะ Mimic มาพร้อมกับรูปทรงโค้งมน
ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ในภาพยนต์ ทรอน ล่าข้ามโลกอนาคต พร้อมองค์ประกอบที่โค้งมน และไม่มีเส้นตรงหรือขอบแหลมคม e-bike มีไฟหน้าแบบโคมคู่ติดตั้งอยู่ด้านหน้า ดูเหมือนดวงตาที่อันตราย
และแผงหน้าปัดที่แนบชิดกับตัวรถแบบเสือดำที่โค้งมนพร้อมรายละเอียดแบบมินิมอล เบาะนั่งแบบเท้าแขน แฮนด์จับแบบกลับ และโลโก้หกเหลี่ยม 3 จุด ที่ล้อหน้าและล้อหลัง เพื่อที่ยกย่องแดเนียล ไซมอน ผู้ออกแบบ Tron Light Cycle

3. Tesla Model M
แนวคิดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่ออกแบบโดย Jans Slapins นักออกแบบอิสระชาวอังกฤษ ที่มาพร้อมกับความงามแบบแบดบอย ที่แต่งแต้มด้วยสีแดง ซึ่งเป็นสีซิกเนเจอร์ของเทสลา Model M
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 204 แรงม้า (150kW) ไม่มีเกียร์ มีระบบการขับขี่ขับที่สามารถเลือกได้ 4 โหมด ทั้ง Race, Cruise, Standard และ Eco ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
ติดตั้งไว้ด้านล่างของเฟรม เพื่อจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ สำหรับการทรงตัวที่ดี พร้อมล้อคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา โช้คอัพหลังแบบโมโน พร้อมโช้คหัวกลับที่ด้านหน้าสำหรับระบบกันสะเทือน และส่วนที่เป็นถังน้ำมัน จะปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับเก็บของ

4. Curtiss Hera
ในปี 1907 Glenn Curtiss ได้สร้างสถิติความเร็วทางบก ด้วยมอเตอร์ไซค์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4,410 cc. V8 ที่ความเร็วมากกว่า 219 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปัจจุบัน Curtiss
ได้ออกแบบมอเตอร์ไซค์ใหม่สำหรับยุคไฟฟ้า Hera ที่มีพื้นฐานอยู่บนเลย์เอาต์ V8 ดั้งเดิมเกือบทั้งหมด แต่แทนที่เครื่องยนต์ V8 ด้วยแบตเตอรี่ 8 ก้อน ซึ่งจัดให้อยู่ในรูปแบบ V ด้วยมอเตอร์ E-twin ที่อยู่ใต้เบาะนั่ง
ซึ่งโดดเด่นด้วยโทนสีขาวดำ ดีไซน์แปลกตาในสไตล์ Retro ที่มาพร้อมสวิงอาร์มดูคล่องตัวขึ้น เบาะนั่งแบบใหม่ โช้คหน้าที่น่าสนใจ และบังโคลนหน้าที่ใหญ่กว่ารุ่นดั้งเดิม

5. Harley Davidson Revival
นักออกแบบ Tanner Van De Veer ร่วมกับ DAAPworks ได้เสนอมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าฮาร์ลีย์-เดวิดสันขนาดกลาง ซึ่งมีเป้าหมายในการรื้อฟื้นแบรนด์ โดยนำเสนอมอเตอร์ไซค์
ที่ยังคังความเป็นเอกลักษณ์ในการออกแบบของฮาร์เลย์ ขณะเดียวกันก็ผสมผสานกับความร่วมสมัย Harley Davidson Revival การสร้างสรรค์ที่เน้นการใช้ไฟฟ้า มินิมอล และล้ำยุค
การออกแบบไฟหน้าที่คมชัด ไฟท้าย แผงหน้าปัดแบบเรียบง่าย มาพร้อมโครงสร้างที่ดูทนทาน พร้อมออกแบบที่วางเท้าที่สามารถปรับเปลี่ยนในระดับตำแหน่งที่เหมาะสม ด้วยการออกแบบใหม่ที่เฉียบคมและรูปเงาดำดุดัน

6. 2029 Majestic
เมื่อไม่นานมานี้ Haas คอลเลกชัน ได้มอบหมายให้ ไบรอัน ฟูลเลอร์ จาก Fuller Moto ทำการออกแบบมอเตอร์ไซค์ล้ำยุค ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Majestic ของฝรั่งเศสในปี 1929
ทีมงาน Fuller Moto มุ่งมั่นที่จะสร้าง 2029 ให้เป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่จะปฏิวัติวงการอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า บอดี้อะลูมิเนียมที่ปิดสนิท พวงมาลัยที่ศูนย์กลาง ล้อโพลีคาร์บอเนตใส
และชิ้นส่วนไททาเนียม ที่สร้างขึ้นจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Zero FXS ให้ความเร็วสูงสุด 85 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่ 46 แรงม้า แรงบิด 78 ฟุตปอนด์และพิสัยทำการ 100 ไมล์

7. Aether
มอเตอร์ไซค์แนวคิด Cybertruck-ish ที่ดูโฉบเฉี่ยว ซึ่งทำงานด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น ที่มีช่องรับอากาศขนาดใหญ่สองช่องที่ด้านหน้า ซึ่งจะดูดอากาศเข้าอย่างเป็นธรรมชาติขณะขับขี่
อากาศที่เข้าสู่ช่องไอดีเหล่านี้ จะถูกส่งผ่านโมดูลตัวกรองเซรามิก ที่ช่วยดักจับอนุภาคขนาดเล็ก PM 2.5 ทำให้อากาศที่กรองแล้วและสะอาดกว่าไหลผ่านไอเสียที่ปลายอีกด้าน ผลลัพธ์ที่ได้คือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ทำได้มากกว่าการลดผลกระทบคาร์บอน
แต่จริงๆ แล้วทำให้อากาศรอบๆ บริสุทธิ์ ส่งผลให้อากาศสะอาดขึ้นและมีมลพิษน้อยลง โดยโมดูลตัวกรองเซรามิก ต้องการการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนเป็นระยะด้วย ซึ่งมีระบบที่คุณสามารถเปลี่ยนได้บ่อยๆ หรือดึงออกและล้างสิ่งสกปรก ซึ่งทำให้ดูเหมือนใหม่

8. PUNCH
แนวคิด Punch E-Bike ออกแบบโดย Artem Smirnov และสร้างขึ้นโดย Punch Moto ด้วยขนาดกะทัดรัด ที่จัดเก็บได้เกือบทุกที่ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมินิไบค์บนถนนในกรุงปารีส
ในช่วงทศวรรษ 1980 การออกแบบตัวถังทรงกระบอกคู่ พร้อมไฟหน้าแบบปิดตรงกลาง ชุดแบตเตอรี่สองก้อนที่สามารถถอดออกได้อย่างง่ายดายสำหรับชาร์จที่บ้าน โดยมีระยะทางสูงสุด 120 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ด้วยตัวขับโซ่ด้านซ้าย มอเตอร์ให้กำลัง 15 กิโลวัตต์ (20 แรงม้า) เพื่อให้ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. และเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง E-Bike รุ่นนี้จึงปราศจากซิลิโคนและใช้โครงเหล็ก ชุดตัวถังอะลูมิเนียม

9. Zero SR/S
Zero ได้เปิดตัว SR/S มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2020 รุ่นเรือธง ที่จำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีนี้ แม้ว่า SR/S จะเหมือนกันกับ SR/F ทุกประการ แต่มีการปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์ที่โดดเด่น
ซึ่งไม่เพียงแค่นั้น SR/S ยังช่วยเพิ่มระยะทางได้มากถึง 13% ด้วยมอเตอร์ Z-Froce 75-10 กำลัง 110 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร พร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 14.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง
Zero กล่าวว่า SR/S มีระยะทางต่อการชาร์จสูงสุดถึง 259 กม. เมื่อขับขี่ในเมือง และ 132 กม. เมื่อขับขี่นอกเมือง และแบบผสมผสานจะให้ระยะทางเฉลี่ย 175 กม. ด้วยความเร็วสูงสุด 200 กม. / ชม.

10. N60 MM.01.
Saroléa แบรนด์มอเตอร์ไซค์สัญชาติเบลเยี่ยม ร่วมกับ The Mighty Machines พัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคุณภาพสูงที่โดดเด่น เมื่อปี 2017 N60 MM.01 สตรีทเนคเก็ตไบค์ขุมพลังไฟฟ้า
ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยตัวรถถูกนำเสนอด้วยสีดำสนิทแทบทั้งคัน พร้อมตกแต่งลวดลายที่แฟริ่ง ประกอบกับชิ้นส่วนที่สร้างขึ้นด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เกือบทั้งคัน โดดเด่นด้วยการตกแต่งสีส้มตามจุดต่างๆ เช่น โคมไฟหน้า, ก้านเบรก, สปริงโช้คหลัง
ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ให้กำลัง 120 กิโลวัตต์ ที่ 163 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 22 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุดถึง 330 กิโลเมตรต่อชาร์จหนึ่งครั้ง