โครงการ"ฟื้นป่า รักษ์น้ำ" เขาห้วยมะหาด จ.ระยอง อดีตผืนป่าเสื่อมโทรมที่ดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้แล้วกว่า 32,000 ตัน สร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยรอบ แล้วกว่า 5 ล้านบาท
จากผืนป่าเสื่อมโทรม จากแแหล่งอุสาหกรรมจังหวัดระยองสู่การพลิกฟื้นที่ดินทำกินครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อนายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการพลิกพื้นป่าเสื่อมโทรม สู่ที่ดินทำกิน ที่ชาวบ้านพึ่งพาตัวเองได้
โครงการ"ฟื้นป่า รักษ์น้ำ" เขาห้วยมะหาด จ.ระยอง อดีตผืนป่าเสื่อมโทรมที่ดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้แล้วกว่า 32,000 ตัน สร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยรอบ แล้วกว่า 5 ล้านบาท
วันนี้ ผมและทีมงานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่กันที่เขาห้วยมะหาด จ.ระยอง เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการฟื้นป่า รักษ์น้ำ เขาห้วยมะหาด ซึ่งเป็นโครงการที่กรมป่าไม้ กองทัพเรือ PTT global chemical ม.เกษตรศาสตร์ และภาคประชาชน จากชมรมคนรักษ์ป่า ชากลูกหญ้า-เขาห้วยมะหาด ร่วมกันฟื้นฟูพื้นที่ป่าครับ
โครงการฟื้นป่า รักษ์น้ำ เขาห้วยมะหาด เป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้ได้อนุญาตให้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ ใช้ประโยชน์เพื่อการป้องกันพื้นที่ ต่อมาได้ร่วมกับ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ชมรมคนรักษ์ป่า ชากลูกหญ้า-เขาห้วยมะหาด และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกันดำเนินการฟื้นฟูและบำรุงรักษาระบบนิเวศในพื้นที่ 2,500 ไร่ บนเขาห้วยมะหาด ตั้งแต่ปี 2556 ผ่านกิจกรรมการปลูกต้นไม้ สร้างฝายชะลอน้ำ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) เสริมสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ จนสามารถพลิกฟื้นจากผืนป่าเสื่อมโทรมให้กลับมาสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำที่สามารถหล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของชุมชนในพื้นที่ รวมทั้งรณรงค์สร้างจิตสำนึกและสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
โดยผลสำเร็จจากโครงการนี้ ทำให้ได้รับการรับรองจาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ให้เป็นโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS) ภาคเอกชน ประเภทป่าไม้และพื้นที่สีเขียว โดยจากการประเมินผลการดำเนินโครงการ ระหว่างปี 2556-2561 สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 32,807.199 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่าการปลูกต้นไม้ประมาณ 125,000 ต้น และสามารถสร้างรายได้ให้กับ 5 ชุมชน รอบเขาห้วยมะหาดแล้ว กว่า 5 ล้านบาท
ซึ่งโมเดลความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชนในรูปแบบนี้ จะถูกผลักดัน นำไปต่อยอดขยายงานด้านการอนุรักษ์ในพื้นที่อื่นๆต่อไปทั่วประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติในการขยายพื้นที่ป่าของประเทศไทยครับ