ส่อคดีพลิก!! ทนายดังเผยฎีกา เทียบ"คดีบาส มือมีด" อาจถือว่าเป็นการสมัครใจวิวาทอ้างป้องกันไม่ได้
เมื่อทนายเดชาให้ความเห็นทางกฎหมายกับกรณี หกรุมหนึ่ง คดีน้องบาส และมีคนตาย 2 คน เป็นการป้องกัน ตัวหรือไม่
แนวคำตัดสินของศาล ฎีกา ที่ผ่านมา การที่มีคนมาท้าทายหน้าบ้านและเจ้าของบ้าน
ออกจากนอกบ้านพบอาวุธไปถือว่าเป็นการสมัครใจวิวาทอ้างป้องกันไม่ได้
แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและการนำเสนอ พยานหลักฐานของฝ่ายผู้ต้องหา ดังนั้นคดีนี้
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุหรือป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ หรือสมัครใจวิวาทหรือบันดาลโทสะขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
และยกตัวอย่าง 2 ฎีกา
1. #เข้ามาในบ้านเพื่อปรับความเข้าใจ
และไม่ยอมออกไป จำเลยใช้มีดอีโต้ฟัน เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ทนายคลายทุกข์ไปค้นคว้าฎีกามา กรณีที่ศาลฎีกาถือว่าเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
#คำพิพากษาฎีกาที่ 108 79/2556
ตัดสินโดยสรุปใจความสำคัญว่า" การที่ผู้เสียหายเข้ามาในบ้าน จำเลยเพื่อปรับความเข้าใจเมื่อจำเลยไล่ให้กลับไปผู้เสียหายไม่ออกไป
เป็นความผิดฐานบุกรุกเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายจำเลยมีสิทธิป้องกันได้ แต่การที่จำเลยใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายหลายครั้งเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ"
2.#คำพิพากษากรณีมีคนท้าทายหน้าบ้าน
เป็นป้องกันตัวหรือไม่
ลองศึกษาจากฎีกาข้างล่างนี้ ทนายคลายทุกข์ค้นคว้ามาให้ FC ทนายคลายทุกข์ได้เรียนรู้เพื่อเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต
คำพิพากษาฎีกาที่ 1027 1/2555 และคำพิพากษาฎีกาที่ 18 586/2555
ศาลฎีกาตัดสินโดยสรุปมีสาระสำคัญว่า
" กรณีมีผู้มาท้าทายจำเลย ซึ่งครอบครองเคหสถานอยู่การที่จำเลยออกจากเคหสถานโดยมีอาวุธติดตัวออกมาด้วย เป็นการสมัครใจวิวาทกัน อ้างป้องกันไม่ได้ ฝ่ายใดจะลงมือทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งก่อน ก็ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะต้องพิจารณา"
ด้านลุงของผู้เสียหาย ให้สัมภาษณ์สื่อว่า บอส ควรจะแจ้งความให้ตำรวจเข้าระงับเหตุ มากกว่าที่จะออกไปร่วมทะเลาะวิวาท
จากภาพ CCTV เป็นหลักฐานชัด ว่า บาส เลือกที่จะออกไป ไล่แทงคู่กรณี ถือว่าเป็นการสมัครใจวิวาทอ้างป้องกันไม่ได้
ตามมาตรา 68 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 "ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่น ให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด"
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อป้องกันเมื่อพบภัยกับตัวเอง
1.มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย คือภยันตรายที่เกิดขึ้นนั้นผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำได้ หากผู้กระทำมีอำนาจที่จะกระทำได้ ก็ไม่มีสิทธิป้องกัน ผู้ที่จะอ้างป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น จะต้องไม่มีส่วนผิดในการก่อให้เกิดภยันตรายขึ้นด้วย แต่ถ้าผู้จะอ้างป้องกันนั้น มีส่วนก่อให้เกิดภยันตรายนั้น ก็ไม่สามรถอ้างป้องกันได้
2.ภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น จะต้องเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง คือภยันตรายที่เกิดขึ้นนั้นกระชั้นชิดถึงขนาดที่หากไม่ป้องกันตัวในขณะนั้น ก็อาจจะเกิดอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่นได้
3.ผู้กระทำจำต้องกระทำการเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายนั้น
4.การกระทำเพื่อป้องกันนั้นจะต้องกระทำพอสมควรแก่เหตุ คือการกระทำเพื่อป้องกันนั้น จะต้องได้สัดส่วนกับภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายนั้น เช่น ภยันตรายที่เกิดขึ้นจากการถูกตบหน้าจะป้องกันโดยใช้ปืนยิงถือว่าไม่ได้สัดส่วนกัน การกระทำเพื่อป้องกันนั้นถ้าผู้กระทำได้ใช้วิถีทางน้อยที่สุดที่จะทำให้เกิดอันตรายแล้วถือว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุ