ราชกิจจาฯ ประกาศ มีผลให้ ปชช. 5 หมื่นคน สามารถเสนอประเด็นออกเสียงได้
วันนี้ มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย.64 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป คือวันที่ 15 ก.ย.2564
สำหรับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 9 หมวด 85 มาตรา มีสาระสำคัญของการออกเสียงประชามติ อยู่ที่ มาตรา 9 ดังนี้ ให้คณะกรรมการ (ซึ่งก็คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ) มีหน้าที่ และอำนาจจัด และควบคุมดูแลการออกเสียงให้เป็นไป โดยสุจริต เที่ยงธรรม เสรี เสมอภาค และชอบด้วยกฎหมายการออกเสียงตามพระราชบัญญัตินี้ มีดังต่อไปนี้
1. การออกเสียงเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่มีบทบัญญัติกำหนดไว้ ในรัฐธรรมนูญ
2. การออกเสียงกรณีเมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นว่า มีเหตุอันสมควร
3. การออกเสียงตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีการออกเสียง
4. การออกเสียงในกรณีที่รัฐสภาได้พิจารณา และมีมติเห็นว่า เป็นเรื่องที่มีเหตุสมควรที่จะให้มี การออกเสียง และได้แจ้งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการ
5. การออกเสียงกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบ
อนึ่ง หลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 9 (5 ) อย่างน้อยต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 5 หมื่นคน และในการออกเสียง ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด การออกเสียงในเรื่องที่มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ จะกระทำมิได้
ในกรณีที่จะต้องดำเนินการออกเสียงตามวรรคสอง เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้มีการออกเสียง หรือเมื่อประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้วแต่กรณี ให้นายกรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงตามวันที่กำหนดตามที่ได้หารือร่วมกับคณะกรรมการ
นอกจากนี้ การลงคะแนนให้ได้ข้อยุติได้กำหนดไว้ในมาตรา 13 ระบุว่า การออกเสียงที่จะถือว่า มีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น
-------------------------------
อ้างอิงจาก: http://www.thailandvision.co