"สาธิต" ยืนยันในปีนี้จะสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าร้อยละ 70 พร้อมเตรียมแผนรองรับไวรัสกลายพันธุ์ จัดหาวัคซีนในปี 2565 แล้ว
สมาชิกวุฒิสภา ตั้งกระทู้ถามเรื่องระบบการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด - 19 ที่รวดเร็วทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันในปี 2564 จะสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ตามเป้าหมายร้อยละ 70 พร้อมเผยรัฐบาลเตรียมแผนรองรับไวรัสกลายพันธุ์จัดหาวัคซีนฉีดให้กับประชาชนในปี 2565 แล้ว
การประชุมวุฒิสภา เป็นพิเศษ วันนี้ (6 ก.ย.64) เริ่มเวลา 09.30 น. มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยได้พิจารณากระทู้ถาม ซึ่งนายอำพน จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา ได้ตั้งกระทู้ถามนายรัฐมนตรี เรื่องระบบการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด - 19 ที่รวดเร็วทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องการทราบแผนการจัดหาวัคซีนในอนาคตของรัฐบาล รวมถึงต้องการทราบแนวทางการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นอย่างไรเพื่อความเสมอภาคและเป็นธรรม โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมายให้ตอบกระทู้ถามแทนนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า แผนการจัดหาวัคซีนในปี 2564 ประมาณ 124 ล้านโดส และเมื่อร่วมกับวัคซีนทางเลือกแล้วมีจำนวนประมาณ 140 ล้านโดส โดยตั้งเป้าหมายฉีดให้ประชาชนได้ร้อยละ 70 ในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมย้ำว่าแผนการจัดหาและการพูดคุยกับบริษัทที่ผลิตไทยจะมีจำนวนวัคซีนและสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ ในปี 2565 รัฐบาล ยังได้เตรียมแผนรองรับจัดหาวัคซีนและฉีดเพื่อป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ในอนาคตด้วย โดยเตรียมแผนการจัดหาและฉีดวัคซีนเข้ม 3 ให้กับประชาชน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังชี้แจงถึงแผนการฉีดวัคซีนว่า ยังเน้นฉีดเชิงรุกให้กับผู้สูงอายุ , กลุ่ม 7 โรคเสี่ยง และกลุ่มสตรีตั้งครรภ์ ให้ได้ร้อยละ 50 ในเดือนสิงหาคมนี้ แต่ยอมรับยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายเนื่องจากประชาชนยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลของวัคซีน ซึ่งเห็นนว่า การเผยแพร่ข้อมูลวัคซีนที่ถูกต้องถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยย้ำว่า วัคซีนที่ฉีดให้กับประชาชนในขณะนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจมีประสิทธิภาพและคุณสมบัติแตกต่างกัน แต่สามารถช่วยลดการเสียชีวิตได้