อัยการยื่นฟ้อง "เสี่ยโป้-เมีย" ร่วมฟอกเงินเปิดเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ ผิดต่อ พรบ.การพนัน-ฟอกเงิน
ที่ศาลอาญา พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ และ น.ส.จุฑามาศ จันที ภรรยา ฐานความผิดร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ,ร่วมกันเข้าเล่นหรือร่วมเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนัน,สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน อันเป็นความผิดต่อ พ.ร.บ.การพนัน เเละ พ.ร.บ.ป้องกันเเละปราบปรามการฟอกเงิน
โดยพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน ส.ค.-ต.ค. 2561 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับพวกซึ่งหลบหนีและยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือจำเลยทั้งสองกันพวกที่หลบหนีได้บังอาจร่วมกันจัดให้เล่นพนันออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์, โปรแกรมและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ร่วมกันทำอุบายล่อร่วมกันช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันในการเล่นผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้รับอนุญาตและร่วมกันเข้าเล่นพนันหรือร่วมเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อ พ.ร.บ.การพนัน
โดยจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำซึ่งจัดได้เป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มจัดหาลูกค้าและชักชวนให้เล่นการพนัน เเละกลุ่มดูแลระบบ จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันฟอกเงินโดยจำเลยที่ 2 ได้โอนเงินซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ร่วมกันเข้าเล่นหรือร่วมเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่ง พ.ร.บ.การพนันอันเป็นความผิดมูลฐานตามความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านบาท ขึ้นไป ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนันและเป็นการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว อันเป็นการโอนรับโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรือเพื่ออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้งการจำหน่ายการโอนการได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอันเป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ เหตุเกิดที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน, แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ และท้องที่อื่นในราชอาณาจักรไทย ท้ายคำฟ้องทางพนักงานอัยการขอศาลได้สั่งนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.34/2564 ของศาลอาญาธนบุรีกับคดีหมายเลขดำที่ อ. 981/2564 ของศาลนี้เเละนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.981/2564 ของศาลนี้
พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ได้เเจ้งข้อหาตั้งเเต่วันที่ 22 ต.ค. 2561 เเละภายหลังทางพนักงานอัยการศาลเเขวงได้ตีกลับสำนวนให้สอบสวนเพิ่มเติมเเจ้งข้อหาฟอกเงินด้วยจนคดีมาเข้าสำนักงานอัยการคดีพิเศษ ซึ่งจำเลยทั้งสองถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ











