“บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.ลงพื้นที่ เมืองกาญจนบุรี ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม พร้อมประชุมร่วมกับหน่วยงานข้างเคียง
กำชับการปฏิบัติร่วมกันวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ไปสู่ภายนอกห้องกัก และกำชับสืบสวนขยายผลขบวนการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง”
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วย พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตรวจคนเข้าเมือง 3 พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตรวจคนเข้าเมือง ได้เดินทางไปยังกองกำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เรียกประชุมและวางมาตรการป้องกันการทะลักเข้าประเทศของชาวเมียนม่า หลังเกิดกระแสข่าวว่า ชาวเมียนม่าจะหลบหนีการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีการระบาดหนักในประเทศเข้ามายังชายแดนไทยด้านตะวันตก มี นายชำนาญ ชื่นตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 รักษาราชการผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวีดกาญจนบุรี เข้าร่วมประชุม
ด้าน พล.ต.ท.สมพงษ์กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้เดินทางมาวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของผู้ต้องกัก ตม.กาญจนบุรีทีตรวจพบมีการติดเชื้อ 34 คนและอาจจะแพร่ขยายติดผู้ต้องกักที่เหลือ โดยร่วมประชุมวางแผนกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดและสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรีวางมาตราป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดดังกล่าวไปสู่คนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง เนื่องจากในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เหมือนกับภาวะสงคราม เป็นที่ทราบดีว่ าชาวเมียนม่าก็พยายามเข้ามาหลบภัยในเมืองไทยผ่านทางช่องทางธรรมชาติ และบางส่วนก็อาจติดเอาเชื้อไวรัสเข้ามาในไทยด้วย ดังนั้นจึงร่วมกับหน่วยงานชายแดนทั้งปกครอง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่เมียนม่า ร่วมกันประสานส่งกลับคนต่างด้าวให้กลับประเทศ เพราะสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและจังหวัดไม่สามารถนำมากักตัวในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ได้แล้ว เนื่องจากจำนวนที่พักและสถานกักกันโรคมีไม่เพียงพอ
มีรายงานในที่ประชุมทุกฝ่ายได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันว่า เจ้าหน้าที่ชายแดนหากพบเห็นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองให้ดำเนินการประสานหน่วยงานชายแดนเมียนม่าส่งคนต่างด้าวกลับออกนอกประเทศทันที อย่างไรก็ตาม หากพบมีผู้นำพาโดยผิดกฎหมายให้ดำเนินการจับกุมเฉพาะผู้นำพานั้นมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทันที หากเข้าข่ายค้ามนุษย์ก็จะใช้กฏหมาย ปปง.ทำการยึดทรัพย์สินส่วนผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองมาก็ให้ประสานส่งกลับไปทางเดิม เป็นมาตรการสูงสุดในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
“ถึงเวลาที่แต่ละหน่วยต้องเอาความจริงมาคุยกันและต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ก ผมเห็นด้วยกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่รวมทั้งสาธารณะสุขจังหวัดที่มีแนวทางเป็นแนวทางเดียวกันคือ การประสานประเทศเพื่อนบ้านเพื่อส่งคนต่างด้าวกลับประเทศป้องกันการระบาดในไทย” พล.ต.ท.สมพงษ์กล่าว
หลังจากนั้น พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง และคณะได้เข้าไปตรวจภายในห้องกักกองกำกับการตำรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี สวมชุดพีพีอีและอุปกรณ์ป้องกันอย่างมิดชิดร่วมกับแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการวางมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในส่วนของห้องกักตัวคนต่างด้าว เบื้องต้นพบผู้ที่ติดเชื้อ 34 คน แยกตัวออกจากผู้ต้องกักคนอื่นๆ ที่มีอยู่รวมกว่า 300 คนแล้ว และจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้นที่ห้องกัก ประสานกับแพทย์อย่างใกล้ชิดตามมาตรการป้องกันอย่างรัดกุมระดับสากล