ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดตัว "ยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์" สำหรับผู้ป่วยโควิดกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ

              วันที่ 5 ส.ค. 2564 ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แถลงผ่านระบบออนไลน์ถึงการพัฒนาและคิดค้นสูตรตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ผลิตในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ หลังพบการระบาดของโรคโควิด-19 มากขึ้นและมีผู้ติดเชื้อเป็นเด็กเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นราชวิชัยจุฬาภรณ์จึงหารือร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัทเมดิกา อินโนวา จำกัด เพื่อพัฒนายาฟาวิพิราเวียร์ให้เป็นยาน้ำสำหรับเด็กที่ไม่สามารถกลืนยาเม็ดได้ และผู้ใหญ่ที่กลืนยายาก

        ศ.นพ.นิธิ ระบุว่า ตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ต้านเชื้อไวรัส โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เป็นยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาล ลักษณะเป็นยาน้ำใส สีส้ม รสราสเบอรี่ มี 2 ขนาด คือ ขนาด 800 มิลลิกรัมใน 60 มิลลิลิตร และ ขนาด 1,800 มิลลิกรัมใน 135 มิลลิลิตร รับประทานยาขณะท้องว่าง วันละ 2 ครั้ง ห่างกันทุก 12 ชั่วโมง และจะต้องใช้ตามแพทย์สั่ง เพื่อที่จะมีการคิดตามอาการอย่างใกล้ชิด เมื่อได้รับยาไปแล้วยาจะอายุการใช้งาน 30 วัน ต้องเก็บในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส ไม่แนะนำให้เก็บในตู้เย็น อาจทำให้ยาตกตะกอนได้ ในระยะแรกโรงพยาบาลจุฬาภรณ์จะผลิตได้จำกัดเพียงไม่เกิน 100 รายต่อสัปดาห์เท่านั้นขนาดและวิธีการใช้ยาในเด็ก การให้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก ยกตัวอย่างเช่น เด็กนำหนัก 10 กก. รับประทานวันแรก 27 ซีซี วันละ 2 ครั้ง วันต่อมาลดเหลือครั้งละ 12 ซีซี ปริมาณยาจะให้เพิ่มขึ้นตามขนาดและน้ำหนักตัวเด็ก ส่วนเด็กที่มีน้ำหนัก 35 กิโลกรัมขึ้นไปจะรับประทานวันแรก 92 ซีซี วันถัดมาลดลงเหลือ 40 ซีซี

              ด้านพล.อ.ต.นพ.สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ อธิบายว่า การให้ยาผู้ป่วยจะใช้ตามขอบ่งชี้คือในเด็กและผู้ป่วยสูงอายุ กินอาหารทางสาย ที่มีการตรวจแอนติเจนเทสต์ แล้วผลเป็นบวกจะให้ยาทันทีแล้วค่อยมาตรวจเชื้อด้วย RT-PCR ในภายหลัง ส่วนคนไข้โรงพยาบาลอื่นก็จะให้ และให้โรงพยาบาลนั้นๆ ลงทะเบียนผ่าน เว็บไซต์  https://favipiravir.cra.ac.th ไม่เสียค่าใช้จ่าย เริ่ม 6 ส.ค.นี้