ผู้นำฟิลิปปินส์ยังคงสนธิสัญญาอนุญาตให้สหรัฐฯ ซ้อมรบ

ฟิลิปปินส์จะยังคงซ้อมรบขนาดใหญ่กับสหรัฐฯ ต่อไป หลังจากที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต เพิกถอนการตัดสินใจของเขาที่จะยุติข้อตกลงด้านการป้องกันที่สำคัญในการเคลื่อนไหวที่อาจเป็นปฏิปักษ์กับจีนที่มีคู่ต่อสู้เพิ่มมากขึ้น

การตัดสินใจของดูเตอร์เต ได้รับการประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เดลฟิน ลอเรนซานา ในการแถลงข่าวร่วมกับลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในกรุงมะนิลา เป็นการถอยกลับจากคำปฏิญาณอันน่าทึ่งของผู้นำฟิลิปปินส์ ในช่วงต้นเทอมของเขาที่จะแยกตัวออกจากวอชิงตัน

ในขณะที่เขาพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่หลุดลุ่ยกับจีนในช่วงหลายปีแห่งการแตกแยกดินแดนในทะเลจีนใต้

“ประธานาธิบดีตัดสินใจเรียกคืนหรือถอนหนังสือเลิกจ้างสำหรับ VFA” ลอเรนซานา กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากพบกับออสตินเป็นเวลานานหนึ่งชั่วโมงโดยอ้างถึงข้อตกลงกองกำลังเยี่ยม "ไม่มีจดหมายบอกเลิกที่รอดำเนินการ และเรากลับมาดำเนินการได้ตามปกติ"

ออสตินขอบคุณดูเตอร์เต สำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่ง เขากล่าวว่าจะสนับสนุนพันธมิตรตามสนธิสัญญา 70 ปีของทั้ง 2 ประเทศต่อไป

“ประเทศของเราเผชิญกับความท้าทายมากมาย ตั้งแต่วิกฤตสภาพภูมิอากาศจนถึงการระบาดใหญ่ และในขณะที่เรากำลังเผชิญ พันธมิตรที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นระหว่างสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์จะยังคงมีความสำคัญต่อความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของอินโดแปซิฟิก” ออสตินกล่าว "VFA ที่ได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนั้นร่วมกัน"

การยกเลิกสนธิสัญญาดังกล่าวจะเป็นการกระทบกระเทือนครั้งใหญ่ต่อพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในเอเชีย เนื่องจากวอชิงตันกำลังเจรจากับปักกิ่งในประเด็นต่างๆ รวมถึงการค้า สิทธิมนุษยชน และพฤติกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ ซึ่งปักกิ่งอ้างว่าเกือบทั้งหมด

การปรากฏตัวของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ถูกมองว่าเป็นการถ่วงดุลกับจีน ซึ่งใช้กำลังในการอ้างสิทธิ์ในพื้นที่กว้างใหญ่ของทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงการก่อสร้างเกาะเทียมที่ติดตั้งลานบินและอุปกรณ์ทางทหาร จีนได้เพิกเฉยและยังคงฝ่าฝืนคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศประจำปี 2559 ซึ่งทำให้พื้นฐานทางประวัติศาสตร์เป็นโมฆะ

จีน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และรัฐบาลอื่นๆ อีก 3 แห่ง ถูกขังอยู่ในความขัดแย้งในดินแดนมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ สหรัฐฯ ไม่ได้อ้างสิทธิ์ใดๆ ต่อเส้นทางน้ำที่พลุกพล่าน และได้แล่นเรือรบของกองทัพเรือใกล้กับเกาะต่างๆ ที่จีนอ้างสิทธิ์โดยอ้างสิทธิ์ในการดำเนินการเดินเรือเพื่อท้าทายปักกิ่ง

ปักกิ่งเตือนวอชิงตันให้อยู่ห่างจากสิ่งที่เรียกว่าข้อพิพาทในเอเชียล้วนๆ

ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่สิงคโปร์เมื่อวันอังคาร ออสติน,กล่าวว่า การอ้างสิทธิ์ของปักกิ่งในทะเลจีนใต้ " ไม่มีพื้นฐานในกฎหมายระหว่างประเทศ" และ "เหยียบย่ำอธิปไตยของรัฐต่างๆ ในภูมิภาคนี้" เขากล่าวว่าสหรัฐฯ สนับสนุนรัฐชายฝั่งของภูมิภาคนี้ในการส่งเสริมสิทธิของตนภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีตามสนธิสัญญาป้องกันประเทศกับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์

ดูเตอร์เตแจ้งรัฐบาลสหรัฐเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วว่า ฟิลิปปินส์ตั้งใจจะยกเลิกข้อตกลงปี 2541 ซึ่งอนุญาตให้กองกำลังอเมริกันจำนวนมากเข้าร่วมการฝึกรบกับกองทหารฟิลิปปินส์และกำหนดเงื่อนไขทางกฎหมายสำหรับการพำนักชั่วคราว

การยกเลิกสนธิสัญญาจะมีผลหลังจาก 180 วัน แต่ Duterte ได้ชะลอการตัดสินใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่อยู่ระหว่างดำเนินการ กองทัพสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ได้ดำเนินการตามแผนสำหรับการซ้อมรบและการตอบโต้ภัยพิบัติ แต่ยกเลิกการฝึกซ้อมที่ใหญ่ขึ้นในปีที่แล้วเนื่องจากการระบาดของโคโรนาไวรัส

กองกำลังสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ประมาณ 300 กิจกรรมในแต่ละปี รวมถึงการฝึกบาลิกาตันหรือการซ้อมรบแบบไหล่ต่อไหล่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับทหารหลายพันนายในการฝึกซ้อมทางบก ทะเล และทางอากาศ ซึ่งมักรวมถึงการยิงจริงด้วย พวกเขาจุดชนวนการประท้วงของจีนเมื่อพวกเขาถูกจับบริเวณชายทะเลที่ปักกิ่งอ้างว่าเป็นของตัวเอง

การฝึกบาลิกาตันกลับมาซ้อมต่อเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว แต่ถูกลดขนาดลงอย่างมากเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง

เจ้าหน้าที่ทหารของฟิลิปปินส์คนหนึ่งบอกกับ Associated Press ว่าสหรัฐฯ ยังคงจัดหาข่าวกรองและภาพถ่ายดาวเทียมและอากาศยานของกิจกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ แม้ว่า Duterte จะขู่ว่าจะยกเลิก VFA ก่อนหน้านี้ ภาพถ่ายของสหรัฐฯ ช่วยให้ฟิลิปปินส์ตระหนักถึงการบุกรุกและยื่นประท้วงทางการฑูต เจ้าหน้าที่ทหารที่พูดโดยไม่เปิดเผยชื่อเพราะขาดอำนาจ

ในการพูดในที่สาธารณะ กล่าว

ลอเรนซานา กล่าวว่า เขาไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้ดูเตอร์เตเปลี่ยนใจ ประธานาธิบดีที่พูดจาไม่สุภาพ ซึ่งอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักให้ควบคุมการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตือนในเดือนธันวาคมว่าเขาจะดำเนินการยกเลิก VFA หากสหรัฐฯ ไม่ได้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 20 ล้านโดส

“ไม่มีวัคซีน ห้ามอยู่ที่นี่” ดูเตอร์เตกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ส.ว.ชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่งกล่าวว่า “อาจสร้างความประทับใจให้ฟิลิปปินส์เป็นชาติที่กรรโชกทรัพย์”

เมื่อเร็วๆ นี้ ฟิลิปปินส์ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันอย่างน้อย 3.2 ล้านโดสจากสหรัฐฯ ผ่านโครงการแบ่งปันวัคซีนทั่วโลกของ COVAX และมั่นใจว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ มากขึ้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า วัคซีนของอเมริกากำลังบริจาคให้กับประเทศยากจนเพื่อช่วยชีวิต และ "ไม่รวมถึงแรงกดดันต่อผลประโยชน์หรือสัมปทานที่อาจเกิดขึ้น"