กระทรวงสาธารณสุข ย้ำแนวทาง ชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตัวเอง

หรือ แอนติเจนเทสคิด หากผลเป็นบวก สามารถเข้าสู่ระบบรักษาตัวที่บ้านได้เลยไม่ต้องตรวจโควิดซ้ำ แต่หากต้องรักษายัง ศูนย์พักคอย และโรงพยาบาล ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้ผลตรวจยืนยัน RT-PCR แต่ขอให้ศูนย์พักคอย และโรงพยาบาลรับผู้ป่วยไว้ก่อนแล้วค่อยตรวจยืนยันผลทีหลัง .

ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุถึงการตรวจด้วยชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตัวเอง หรือ แอนติเจนเทสคิด หรือ ATK ว่า หากได้ผลบวกแล้ว ให้เรียกว่า เป็นผู้ที่น่าจะติดเชื้อโควิด 19 โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 95 เป็นผลบวกจริง แต่จะมีร้อยละ 3-5 ที่พบผลบวกลวงได้ / หากเป็นกลุ่มเสี่ยงอยู่ในพื้นที่เสี่ยงแล้วตรวจได้ผลลบในครั้งแรก อาจจะต้องมีการตรวจซ้ำ 

ถ้าให้ผลบวก จากชุดตรวจคัดกรองโควิดด้วยตัวเอง เข้าระบบการรักษาที่บ้าน หรือ home isolation ได้เลย ไม่ต้องตรวจโควิดซ้ำด้วยวิธีRT-PCR หากสามารถแยกกักคนเดียวได้ที่บ้าน 

แต่ หากไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ ให้เข้าสู่ ศูนย์พักคอยดูแลผู้ติดเชื้อชุมชนที่มีกว่า 20 แห่งในกรุงเทพฯ หลักการคือให้ผู้ป่วย เข้าไปก่อน โดยให้ตรวจ RT-PCR คู่ขนานไป โดยให้แบ่งเป็น2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ตรวจแอนติเจนเทสคิด แล้วผลบวก มีผลยืนยันเรียบร้อย กับ กลุ่มที่อยู่ระหว่างรอผลRT-PCR เพื่อความแน่ใจของผลตรวจเชื้อ ไม่สามารถเอามาอยู่ใกล้กันได้ // รวมถึงในสถานพยาบาลด้วยหากเป็นไปได้ ให้แบ่งจุดหัว-ท้ายของวอร์ดผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างรอผล RT-PCR 

ทั้งนี้ ผล RT-PCR ยังคงมีความจำเป็น กับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าศูนย์พักคอยฯและโรงพยาบาล / ย้ำว่า อย่าให้ผลRT-PCR เป็นอุปสรรคต่อการรักษาผู้ป่วย 

ส่วนกรณี ห้องฉุกเฉินหลายแห่ง มีการปิดให้บริการ นายแพทย์ สมศักดิ์ ระบุว่า เนื่องจากมีผู้ป่วยล้นเข้ารับการรักษาจริงๆ ซึ่งโรงพยาบาลทุกสังกัดในกรุงเทพฯ ตอนนี้กำลังเผชิญปัญหาเตียงในการรักษา แต่บุคคลกรทางการแพทย์

ภาพรวมสถานการณ์เตียงขณะนี้ สีเหลือง สีแดง ของโรงพยาบาลรัฐและเอกชนติดลบแล้ว ตอนนี้กำลังรอเครื่องผลิตออกซิเจนทั้งของรัฐและเอกชน เพื่อนำผู้ป่วยสีเหลือง เข้าสู่ ฮอสพิเทล เพื่อให้ ฮอลพิเทล รับผู้ป่วยสีเหลืองที่มีอาการมากขึ้นได้ // ตอนนี้ใน กทม.-ปริมณฑล มีฮอลพิเทล ประมาณ20,000 เตียง หากสามารถแปลง ร้อยละ10 นี้ จะมีเตียงสีเหลืองเพิ่มอีก2,000 เตียงเข้ารักษาได้ แต่ตอนนี้ติดขัดในเครื่องผลิตออกซิเจน เนื่องจากมีข่าวการลักลอบออกสู่ต่างประเทศในแถบชายแดนพม่า 

ขณะที่ ยาฟาวิพิราเวียร์ อยู่ในคลังสำรองกว่า 10 ล้านเม็ด และ ในเดือนหน้าสิงหาคม จะทยอยเข้ามาทุกสัปดาห์ รวม 40 ล้านเม็ด/ ส่วน ปัญหาการเบิกยาที่วุ่นวาย ตอนนี้ได้มีการแก้ไขปัญหาตัดขั้นตอนที่ยุ่งยากให้ลดลง และได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาสังคม // เช่น กรมการแพทย์ ทำโรงพยาบาลเสมือนจริง เอาคนไข้ในระบบ1668 มาขึ้นทะเบียนรักษาตัวที่บ้าน จัดส่งยาไปให้ ที่บ้าน / รวมทั้งร่วมกับภาคประชาสังคม จิตอาสา เอารายชื่อผู้ติดเชื้อมาขึ้นทะเบียนรักษาตัวที่บ้าน แล้วจัดส่งยา 

ย้ำ หากติดเชื้อ สบายดีไม่มีอาการไม่มีโรคร่วม กินยาลดไข้ ยาฟ้าทะลายโจร / แต่หากเริ่มมีอาการ แนวทางตอนนี้ คือ ขอให้เริ่มยาให้เร็วที่สุด เมื่อเริ่มมีอาการ / ส่วนผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวไม่มีอาการสามารถให้ยาได้เลย 

สำหรับกรณีที่โรงเรียนพระปริยัติธรรม มีพระภิกษุสงฆ์และสามเณรติดเชื้อกว่า 100 คน นายแพทย์ สมศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ ติดเชื้อได้มีการรายงานกรณีที่พระภิกษุสามเณรติดเชื้อ เบื้องต้น หลักการจะคล้ายกับศูนย์พักคอยในชุมชน โดยปรับเปลี่ยนให้วัด เป็นศูนย์พักคอยดูแล พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ผู้ติดเชื้อ หากพระรูปใดที่มีอาการมากขึ้นเข้าสู่สีเหลือง หรือต้องใช้เครื่องออกซิเจน ก็จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์.