นายกฯออสเตรเลีย ขอโทษประชาชน เรื่องฉีดวัคซีนล่าช้า หลังเพิ่งผ่านไปได้แค่ 11% เท่านั้น
เอเอฟพีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียกำลังโดนกดดันอย่างหนักจากประชาชนที่โกรธเคือง ให้ปรับปรุงอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในปัจจุบัน ที่เพิ่งฉีดไปได้แค่ราว 11% ของประชากรในประเทศที่อยู่ในเกณฑ์เข้ารับวัคซีน เป็นอัตราต่ำที่สุดในบรรดาประเทศร่ำรวย
หลังจากหลายเดือนที่เขาคุยโวเรื่องการตอบสนองการระบาดของโควิด-19 ตาม “มาตรฐานทองคำ” ของเขา และยืนยันว่าโครงการฉีดวัคซีนไม่ใช่การแข่งขัน แต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม เขายอมรับฟังคำวิจารณ์แล้ว
มอร์ริสันกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงแคนเบอร์ราเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ผมเสียใจที่เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายจำนวนผู้ที่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 ตามที่เราคาดหวังไว้เมื่อเริ่มต้นของปีนี้ ผมเป็นผู้รับผิดชอบโครงการฉีดวัคซีน และต้องรับผิดชอบต่อความท้าทายที่จะต้องเผชิญ บางสิ่งเราควบคุมได้ แต่บางสิ่งก็อยู่เหนือการควบคุม
รอยเตอร์รายงานว่า ขณะนี้ออสเตรเลียฉีดวัคซีนให้ประชาชนไม่ถึง 150,000 รายต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วประเทศอื่น
รัฐบาลออสเตรเลียบอกว่าจะบรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชากรผู้ใหญ่ทุกคนภายในสิ้นปีนี้ โดยวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาหลายล้านโดสจะส่งมาถึงออสเตรเลียในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ในวันเดียวกัน รัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง 124 ราย เพิ่มจากเมื่อวันพุธที่พบผู้ติดเชื้อ 110 ราย รอยเตอร์รายงานว่าเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดของรัฐนิวเซาท์เวลส์ในรอบ 16 เดือน ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่พบที่นครซิดนีย์ เมืองเอกของรัฐแห่งนี้ที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์สัปดาห์ที่ 4
กลาดิส แบร์รีจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ คาดว่าจะพบจำนวนผู้ติดเชื้อสูงกว่านี้อีก และจนกว่าเราจะมีประชากรที่รับวัคซีนครบโดสเพียงพอ เราจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่กับมาตรการเข้มงวดบางระดับ และขึ้นกับว่าเราจะชนะความร้ายแรงของการระบาดครั้งนี้ได้เร็วแค่ไหน.
อ้างอิงจาก: http://www.thailandvision.co