อยากตรวจ HIV มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?
เมื่อคุณอยากตรวจเอชไอวี เนื่องจากมีความเสี่ยงมา แต่มีความกังวลใจในขั้นตอนการตรวจว่ามีอะไรบ้าง ยุ่งยากและเสียเวลาแค่ไหน หรือจำเป็นต้องงดน้ำงดอาหารหรือไม่ วันนี้ เรามีข้อมูลดี ๆ มาแนะนำสำหรับคนที่ต้องการที่จะรู้สถานะเอชไอวีของตัวเองกันครับ
เช็คความเสี่ยงของตัวเอง
ก่อนอื่นเราควรต้องทราบถึงความเสี่ยงต่อเชื้อเอชไอวี ว่าคุณเข้าข่ายที่ควรได้รับการตรวจหรือไม่ ซึ่งหลัก ๆ แล้วเจ้าไวรัสเอชไอวีจะเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านสารคัดหลั่งต่าง ๆ เช่น เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด น้ำหล่อลื่นจากอวัยวะเพศ เป็นต้น หากสารคัดหลั่งเหล่านี้สัมผัสกับบาดแผลหรือบริเวณเยื่อบุผิวทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก องค์ชาติ และช่องปาก ก็มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้สวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และกลุ่มที่มีอัตราการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง รวมไปถึงกลุ่มคนที่ใช้สารเสพติดประเภทฉีดเข้าเส้นเลือด อาจมีการใช้อุปกรณ์ร่วมกันโดยไม่ได้ระวังได้ครับ
การเตรียมตัวก่อนไปตรวจเอชไอวี
การเจาะเลือดตรวจคัดกรองเพื่อหาเชื้อไวรัสเอชไอวีนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหารแต่อย่างใด แต่เราก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด ของทอด ของมัน รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ ก่อนวันตรวจเพื่อที่จะเคลียร์ให้เลือดของเราได้แสดงผลตรวจที่ชัดเจนและไม่ผิดพลาดครับ
เลือกสถานพยาบาลที่ไว้วางใจ
เดี๋ยวนี้การตรวจเอชไอวีสามารถทำได้ในทุกโรงพยาบาลที่มีสิทธิประกันสุขภาพ หรือโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วประเทศ คุณสามารถทำการค้นหาก่อนล่วงหน้า เพื่อทำการจองตรวจเอชไอวีได้ที่นี่ หรือนัดหมายวันเวลากับเจ้าหน้าที่ให้เรียบร้อย โดยทั่วไปนั้น ผลตรวจเอชไอวี สามารถรู้ได้ภายในวันเดียวกันกับที่ทำการตรวจ
รับคำปรึกษาและเจาะเลือด
เมื่อถึงคิวตรวจ คุณจะได้รับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่หรือแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ จะมีการพูดคุยซักประวัติสักเล็กน้อย เพื่อประเมินความเสี่ยงว่าคุณควรตรวจเอชไอวีหรือไม่ และในการตรวจเอชไอวีจำเป็นจะต้องมีการเซ็นชื่อเอกสารยินยอมในการตรวจ เพื่อยืนยันว่าคุณต้องการตรวจจริง ๆ ไม่ได้ถูกบังคับ อีกทั้งยังเป็นข้อผูกมัดทางกฏหมายที่ทางสถานพยาบาลทุกที่ต้องปฏิบัติตามด้วยครับ ส่วนระยะเวลาในการตรวจพร้อมกับการเจาะเลือดมักไม่เกิน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงซึ่งคุณสามารถสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนให้บริการได้
ฟังผลตรวจเอชไอวี
การฟังผลตรวจส่วนใหญ่แล้วจะต้องทำในห้องตรวจที่ได้รับคำปรึกษาเท่านั้น หรือบางแห่งอาจมีการส่งผลตรวจให้ทางอีเมล์หรือไลน์ หากผลเลือดเป็นลบ หรือระบุว่า non-reactive หมายความว่าคุณไม่มีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกาย หรือไม่ติดเชื้อ แต่จะต้องเทียบกับช่วงระยะเวลาความเสี่ยง หรือระยะฟักตัว (Window Period) ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจมีการนัดหมายให้มาตรวจซ้ำอีกครั้งในระยะ 1-3 เดือนขึ้นไป
หากผลเลือดบวก หรือระบุว่า reactive หมายความว่า คุณมีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกาย หรือติดเชื้อนั่นเอง เจ้าหน้าที่จะทำการพูดคุย เพื่อให้คุณเข้าใจในขั้นตอนของการรักษาต่อไป หากสถานพยาบาลที่คุณตรวจนั้นมีแผนกเฉพาะทางในการรักษาโรคนี้ได้ ก็จะดำเนินเรื่องส่งต่อเพื่อเข้าสู่การตรวจอย่างอื่นเพิ่มเติม รวมถึงการรับยาต้านไวรัสเอชไอวี ตามสิทธิที่คุณมีอยู่ ณ ปัจจุบัน
ขั้นตอนในการตรวจเอชไอวีที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้มีความยุ่งยากหรือเสียเวลาเลย แถมทางภาครัฐยังให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจด้วยโครงการตรวจเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง คุณไม่จำเป็นต้องลางานหรือทิ้งงานไปทั้งวัน และยังช่วยคลายความกังวลใจลงไปได้มาก ทำให้วางแผนการใช้ชีวิตได้ต่อไปอย่างมีความสุขครับ