"ปิยบุตร" ยันจุดเดิม ไม่ควรปิดกั้นแก้ รธน. หมวดสถาบันฯ ย้ำนี้คือความต้องการของยุคสมัย
วันนี้ มีรายงานว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้ากล่าวในช่วงหนึ่งระหว่างถาม-ตอบแสดงความคิดเห็น ได้มีผู้ฟังร่วมถามถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1-2 ที่หลายฝ่ายต่างพยายามล็อกเอาไว้ไม่ให้แก้ ว่านายปิยบุตรมีความคิดเห็นอย่างไร
ซึ่งนายปิยบุตร ระบุว่า ในเรื่องของหมวด 1 และหมวด 2 เป็นสิ่งที่แก้ได้แน่นอน ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ
1) มาตรา 256 ( เขียนว่าในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ในการแก้ไขทั้งหมวด 1 และหมวด 2 ต้องไปจบที่การลงประชามติ นั่นหมายความว่าทั้งสองหมวดสามารถเสนอญัตติแก้ได้อยู่แล้ว
ส่วนในมาตรา 255 ข้อห้ามในการแก้รัฐธรรมนูญมีอยู่เพียงว่า ห้ามแก้ และเปลี่ยนรูปของรัฐ และเปลี่ยนระบอบการปกครอง 2 เรื่องเท่านั้น ในประวัติศาสตร์เองก็เคยมีการแก้ไขหมวด 1-2 มาแล้วหลายครั้ง รวมถึงระหว่างการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับด้วย นั่นคือในรัฐธรรมนูญฉบับ 2492, 2530, 2540, 2550, 2560 ไปเปลี่ยนแปลงหมวด 1 และหมวด 2 มาแล้วทั้งสิ้น
การกำหนดล็อกเข้าไปกลับจะเป็นผลเสียมากกว่า เพราะหากวันหนึ่งมีความจำเป็นขึ้นมา ในช่วงเวลาที่กำลังทำรัฐธรรมนูญใหม่จะทำอย่างไร เพราะว่าไปล็อกเอาไว้ว่า ไม่ให้แตะ ใครจะไปรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ว่า สังคมไทยมีความจำเป็นแก้หมวด 1 หมวด 2 หรือไม่
ล่าสุด สังคมไทยก็เพิ่งเห็นกันว่า ตอนรัฐธรรมนูญ 2560 ผ่านประชามติใหม่ ๆ รัชกาลที่ ๑๐ มีพระราชกระแสให้แก้ไขเกี่ยวกับเรื่องพระราชอำนาจ ความจำเป็นในการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 เกิดขึ้นได้เสมอ แล้วจะไปล็อกไว้ทำไม?
2) เกิดการสร้างความเข้าใจผิด ๆ ว่า การทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับห้ามแตะหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งไม่จริง การทำรัฐธรรมนูญใหม่สามารถทำได้ทุกมาตราทุกหมวด หากปล่อยความเข้าใจผิดแบบนี้ดำรงอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ รัฐสภาไทยจะมีอำนาจค่อย ๆ หดตัวลงเรื่อย ๆ
3) การชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และเยาวชนทั่วประเทศ มีข้อเรียกร้องของการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ นี่คือเสียงของความต้องการของยุคสมัย การไปปิดล็อกหมวด 1 หมวด 2 แบบนี้จะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไม่ได้เลย นี่คือเสียงเรียกร้องของยุคสมัย แต่ปรากฏว่า นักการเมืองในสภาไปปิดประตูใส่หน้าเขา ด้วยการบอกว่า เรื่องนี้ทำไม่ได้ “มันคือการเอาความต้องการ เอาหัวจิตหัวใจการต่อสู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน ตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาไปมัดรวมกัน แล้วนักการเมืองที่อยู่ในสภาก็ไปกระทืบความต้องการของเขาลงไปอยู่ในดิน เอาแรงกายแรงใจความหวังของเขาที่อยากจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปมัดรวมกันแล้วกระทืบความหวังความฝันของพวกเขา ให้มันไปอยู่ในดินแล้วประเทศจะเดินต่ออย่างไร? เดี๋ยวเขาต้องกลับมาอีก เขาจะโดนกี่คดีก็ตามเดี๋ยวเขาก็กลับมาชุมนุมกันอีก เดี๋ยวก็จะมีคนหน้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีก เพราะมันเป็นความต้องการของยุคสมัย มันเป็นความต้องการของคนรุ่นหนึ่งที่ปฏิเสธมันไม่ได้แล้ว ไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ ท่านจะอยากให้เกิดหรือไม่ แต่มันมีคนกลุ่มนี้ที่มีขนาดใหญ่มากจากรุ่นสู่รุ่น เรียกร้องเรื่องนี้ คุณอ้างว่า เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่กลับเอาความหวังความฝันเหล่านี้กระทืบลงไปจมติดเรียบร้อยแล้ว ด้วยการล็อกหมวด 1 หมวด 2 เอาไว้” นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไปว่า ที่จริงแล้ว ส่วนตัวของตนมีข้อเสนอเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสมบูรณ์ ที่ได้ทยอยโพสต์ลงใน Facebook ไปแล้วหลายตอน รวมทั้งได้มีการยกร่างตัวแบบของหมวด 1 และหมวด 2 เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในอีกไม่กี่สัปดาห์ ตนจะหาจังหวะเปิดให้สาธารณชนได้ลองนำมาพิจารณาแลกเปลี่ยนกัน เป็นบททดลองนำเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่อยู่ในหมวด 1 และหมวด 2 จะเขียนให้ดูว่า ถ้าจะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น มันมีตัวแบบมาให้นำเสนอแลกเปลี่ยนอภิปรายกันว่าอย่างไรบ้าง
แต่ที่ Re-Solution ไม่ได้นำเสนอ เพราะเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพื่อสร้างฉันทามติของสังคม ต้องมีการรณรงค์การอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างน้อยที่สุด กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญในขณะนี้ ควรต้องมีการเปิดพื้นที่เอาไว้ ว่าถ้าเรามีสภาร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นมาทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับทุกมาตรา แล้วเกิดมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน เขาอยากเข้าไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ มีประเด็นเรื่องหมวด 1 หมวด 2 เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สสร. เข้าไปแก้ และนำเสนอหมวด 1 หมวด 2 ได้
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/thvi5ion/photos/a.336789590593208/843463609925801/