จุฬาฯ ฝึกสุนัขตรวจโควิด แม่นยำถึง 94.8%
วันนี้คณะสัตวแพทย์จุฬาฯ ออกมาแถลงผลงานวิจัยล่าสุด เป็นการฝึกฝูงสุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ โดยใช้สำลีซับเหงื่อบริเวณใต้รักแร้เป็นเวลา 5 นาที จากนั้นนำมาเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยทางชีวิภาพแล้วนำมาใส่กระป๋องมาให้น้องหมาดมแบบในรูป ถ้าไม่มีเชื้อน้องจะเมินหน้าหนี แต่ถ้าพบเชื้อน้องจะนั่งลงแบบออโต้เองทันที โดยที่คนเชื้ออาจจะยังไม่แสดงอาการได้เลยด้วยซ้ำ
ที่สำคัญการทดสอบด้วยวิธีนี้มีความแม่นยำสูงถึง 94.8% เลยทีเดียว เรียกว่าผลการทบสอบสูสีกับการตรวจด้วย Rapid Antigen เลยก็ว่าได้
ปัจจุบันน้องๆกลุ่มนี้ถูกฝึกสำเร็จแล้วเป็นจำนวน 6 ตัว เป็นสายพันธุ์ลาบราดอร์ โดยพื้นฐานแล้วเป็นพันธุ์ที่มีประสาทสัมผัสรับรู้กลิ่นที่ไวและดี อุปนิสัยเป็นมิตรและฝึกง่าย อารมณ์เดียวกับน้องหมาที่เค้าใช้ฝึกตรวจหาระเบิด K9 อะไรแบบนั้น
หลายคนอาจสงสัยว่าไทยเราตุยเย่ขึ้นมาเองจะเหมือนกรณีเครื่อง GT200 อะไรแบบนั้นหรือเปล่า ? จริงๆต้องบอกว่าที่ฝั่งยุโรปเช่นที่ฟินแลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส และออสเตรเลียเค้าก็มีการทดลองฝึกอะไรแบบนี้มาได้ซักพักแล้วนะ โดยสมัยก่อนเค้าทดสอบให้สุนัขลองแยกแยะโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า โรคมาลาเรีย โรคอัลไซเมอร์อะไรแบบนี้ แล้วพอมีโควิดระบาด ก็เลยมาทำการทดลองทีหลังเพราะคิดว่าน่าจะทำได้
ซึ่งในที่สุดก็ทำได้จริงๆด้วย เพราะในงานวิจัยหลายชิ้นพิสูจน์แล้วว่าน้องหมาสามารถมองได้เห็นด้วยกลิ่นจริงๆ เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าสุนัขมีความสามารถในการดมกลิ่นสูงกว่าคนถึง 50 เท่าทั้งในเรื่องความไวและเรื่องของการจำแนกชนิดของกลิ่น รวมถึงการบอกระดับของกลิ่นว่ามีมากหรือน้อยได้แบบละเอียดเลยทีเดียว
และน้องหมาที่ผ่านการฝึกทั้ง 6 ตัวของจุฬาก็จะถูกไปประจำการเบื้องต้นที่สนามบินก่อนเพื่อช่วยลดภาระการตรวจคัดกรองเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่นั่นเอง
อ้างอิงจาก: หมอเวร