หมอชลน่าน แนะนายกฯ ลาออกก่อนกลายเป็น "ทรราช"
วันนี้ ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า การกู้เงินครั้งนี้แก้ไขปัญหาการแพร่เชื้อโควิดให้ประชาชนไม่ได้ เศรษฐกิจก็ไม่ได้ ประชาชนท้อแท้สิ้นหวัง
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เคยอภิปรายเปรียบเทียบการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เมื่อปี 63ครั้งนั้นเหมือนการอนุญาตให้หมอ ที่ชื่อพล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปรักษาผู้ป่วย ที่ป่วยตั้งแต่เดือนม.ค.
หมอประยุทธ์ตัดสินใจใช้ยาแรงประกาศฉุกเฉินและปิดประเทศ คนป่วยจากโควิดมีภาวะแทรกซ้อน เป็นไตวาย เศรษฐกิจล้มเหลว หมอเลยขออนุญาตรักษาโดยกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท
ซึ่งสภาก็ได้อนุมัติ เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วน มิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่การกู้เงินครั้งนี้เป็นการขอกู้เงินเพิ่มเติม เราต้องตั้งคำถามว่าจำเป็นเร่งด่วนจริงหรือไม่
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า แผนงานสามแผนที่แนบท้ายมากับ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทครั้งนี้ เป็นแผนที่ดี แต่ใช้ไม่ได้ เพราะนายกเป็นหมอแต่ยังรักษาผู้ป่วยที่ชื่อประเทศไทยให้ฟื้นไม่ได้ รอบที่แล้วกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เหมือนจะฟื้นคนป่วยกระดี้กระด๊า
แต่หมอคนนี้รักษาคนไข้ด้วยวิธีประมาทเลินเล่อผิดพลาด ปล่อยให้มีการติดเชื้อรอบที่สอง แต่ก็เอาอยู่ แต่หมอประยุทธ์ก็ยังไม่สำเหนียกหรือสำนึกว่าเชื้อมีอยู่รอบตัว ปล่อยปะละเลยจนกระทั่งเกิดการระบาดในรอบที่สาม
และด้วยความคิดผิดปกติของนายก แทนที่จะสั่งปิดตายพื้นที่ แต่กลับไม่ใช้ยาแรงในพื้นที่ที่ระบาดรุนแรง ขณะนี้ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นผู้ป่วยหนัก กระดิกตัวได้ เรียกลืมตา หมอคนนี้บอกว่าเงินที่ได้มาก้อนแรก อนุมัติไปหมดแล้ว
สถานการณ์อาการผู้ป่วยย้ำแย่ ขอต่ออีก 5 แสนล้าน อย่างไรก็ตาม งบจำนวนที่ขอเพิ่มเติมนี้ คือเงินอนาคตของลูกหลาน ถามว่าสภาสมควรอนุมัติให้หรือไม่ 5 แสนล้านระงับโควิดก็ไม่ได้ นายกไม่มีความมั่นใจ
อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่าระงับโควิดง่ายมาก แค่กระจายวัคซีนเข้าไป 50 ล้านคน ภายในเดือนก.ย. คุณก็ระงับได้แล้ว ที่เหลือเป็นการติดเชื้อที่ไม่ระบาด กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็เคลื่อนได้
นพ.ชลน่าน ได้ระบุว่า การจะขอนำเงินอนาคตมาใช้เรียกว่าการกู้หนี้ การบริหารหนี้เราพูดกันมาก กู้ 5 แสนล้าน บวกขาดดุลงบประมาณ 7 แสนล้านในปี 65 สมมติฐาน ก.ย. ปี 65 เงินกู้ 2 ก้อนนี้ คือ 1.2 ล้านล้าน หนี้สาธารณะขยับไปอยู่ที่ 62 เกินกรอบเพดาน
จริงอยู่ที่บอกว่าหนี้สาธารณะจะนับเพิ่มต่อเมื่อกู้เงินแล้ว แต่เราก็ตั้งสมมติฐาน วันที่ 30 ก.ย. 65 ตัวเลขหนี้สาธารณะเกินจะทำอย่างไร วันนี้ท่านไม่ตอบ แต่ผมก็ทราบว่าท่านกำลังจะขยายเพดานหนี้สาธารณะ ร้อยละ 65-70 ซึ่งนักวิชาการสนับสนุนแนวคิดนี้ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ความล้มเหลวทางการคลัง
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า เราไม่สามารถไว้ใจหมอประยุทธ์ได้ ไม่เชื่อมั่นว่าจะเป็นหมอที่ดี ในวงการแพทย์เขาจะถอนใบประกอบวิชาชีพ เพราะจากการทำงานทำให้คนไข้ป่วยหนัก บางคนตาย ยอดผู้เสียชีวิตสองเดือน 1200 ราย ต้องบอกความจริงกับพี่น้องประชาชน คือ
รัฐบาลขาดข้อมูลที่เป็นจริงจนเกิดความสับสน พอสภานำเสนอความจริงก็ปรี๊ดแตก ซึ่งเขาเรียกว่าโรคหลงตัวเอง เชื่อมั่นว่าตัวเองเก่งสูงยิ่ง ไม่มีใครเสมอเทียบเท่า ลักษณะผู้นำเช่นนี้จะพาประเทศลงเหว ล่มจม
คนโง่แล้วขยันทำให้องค์กรเสียหาย เขาจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 3 เพื่อให้มี 2 อันดับ ต้นกำกับ แต่ถ้าโง่แล้วขยันขึ้นมาเป็นผู้บริหารเบอร์ 1 ถามว่าใครจะมากำกับดูแล พวกเราก็ตรวจสอบไม่ได้ ประเทศวุ่นวาย ล่มจมเหมือน 7 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หมอประยุทธ์ต้องถูกถอนใบประกอบวิชาชีพ เพราะถ้าปล่อยไว้จะทำให้คนไข้ล้มตายเสียหายได้
นพ.ชลน่าน ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ฝ่ายค้านไม่สามารถอนุมัติได้ เพราะ
…
1.รัฐบาลไม่สามารถระงับยับยั้งโรคระบาดได้ ไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้
2.ไม่ชอบด้วยเหตุผลทางกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน หลีกเลี่ยงได้ และความจริงงบ 5 แสนล้านบาทนี้ ทำได้โดยการอยู่ในพ.ร.บ.งบประมาณ
3.ความคุ้มค่าที่จะเกิดขึ้น ตัวอย่าง มีให้เห็นแล้ว จากการกู้เงิน 1 ล้านล้านเมื่อปีที่แล้ว เห็นผลงานกันอยู่
4.ความรู้ความสามารถบุคลิกภาพ ภาวะผู้นำ ภาวะอารมณ์ ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะบริหารประเทศต่อไป
…
อย่างไรก็ตาม การถอดใบบอนุญาต คือถอนตัวผู้นำ ฝ่ายค้าน และพรรคร่วมรัฐบาลท้ายุบสภา แต่นายกก็แพลมมาว่าอีก 1 ปี ซึ่งตนคิดว่าเป็นไปได้ หรือจะแสดงความรับผิดชอบเปลี่ยนตัวเองออกจากตำแหน่ง ลาออก ไม่ได้ยาก
นายกฯ ลาออกจะเป็นคุณูปการแก่ประชาชน ประชาชนจะยกย่องเป็นวีรบุรุษ แต่ถ้ายังดื้อดึง ประชาชนะจะเกลียดชัง และขนานนามว่าเป็นทรราช เพราะท่านเข่นฆ่าประชาชน สุดท้ายนี้ ขอให้นายกลาออกเพื่อบ้านเมือง
อ้างอิงจาก: Thailand Vision