นักศึกษาคว่ำสยอง
จอย” พนักงานในร้านค้าแห่งหนึ่งในย่านในกลางกรุงเทพฯ ที่เธอจะไปเยี่ยมญาติที่หอพักแถวโรงงานแห่งหนึ่งแถวสมุทรปราการ พอลงรถเมล์เสร็จก็นั่งสองแถวและต่อวินเข้าซอย แต่พอลงรถสองแถวเดินเข้ามาเพื่อจะนั่งวินในซอยก็รู้สึกประหลาดใจ ว่าวันนี้วินหายไปไหนหมดเพราะตอนนั้นเพิ่งจะทุ่มนึง ปกติวินมอเตอร์ไซค์นี้จะรับส่งผู้โดยสารถึงสองทุ่มกว่า จอยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะวินเข้าไปส่งผู้โดยสารไกล ทำให้ขาดช่วงและที่ร้านค้า แผงลอยปิดเร็วกว่าปกติทำให้บรรยากาศแถวหน้าปากซอยดูเปลี่ยวกว่าทุกวัน จนจอยรู้สึกกลัวพวกโจรวิ่งราวขึ้นมาเลยกะจะออกไปเรียกรถแท็กซี่หน้าปากซอย บังเอิญมีกลุ่มนักศึกษาเดินผ่านมาพอดี มากันกลุ่มใหญ่ 6-7 คนมายืนอยู่แถวต้นไม้ต้นแถวหน้าซอยห่างจากจอยประมาณ 50 เมตร ในใจคิดว่าโชคดีที่มีคนรอวินเป็นเพื่อน แต่ใจก็แอบกลัวว่านักศึกษากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มปล้นจี้หรือเปล่า เลยหันมองไปดูท่าที แล้วก็ต้องประหลาดใจเพราะนักศึกษากลุ่มใหญ่เมื่อกี๊ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว จอยมองไปแถวท้ายซอยก็ไม่เห็นใคร จนจอยก็ขนลุกขึ้นมาเพราะตอนนั้นบรรยากาศแถวซอยดูวังเวงขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่แสงไฟยังสว่างและมีรถวิ่งกันพลุกพล่าน สักพักจอยก็หันหลังกลับมาแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นนักศึกษา 6-7 คนที่เดินมาจากหน้าซอย และเดินผ่านไปอย่างรีบร้อน ระหว่างที่พวกเขาเดินผ่าน รู้สึกขนลุกซู่และเย็นหนาวไปทั้งตัว ในใจคิดสงสัยว่า “ตะกี๊ยังเห็นอยู่ตรงโน้น อยู่ดีดีโผล่มาตรงนี้ได้ยังไง” เสียงหมาหอนขึ้น รับกันเป็นทอดๆดังระงมทั้งซอย จอยด่าหมาในใจที่สะเออะหอนได้ถูกเวลาที่ยืนเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนเดียวในซอย นักศึกษาแต่ละคนหน้าตาดูเคร่งขรึม และไม่สนใจที่จอยยืนอยู่ตรงนั้น ทุกคนไม่พูดจาอะไรกันสักคำเลย จนทำให้จอยคิดว่าเด็กกลุ่มนี้อาจจะนัดตีกันกับกลุ่มไหนไว้หรือเปล่าจอยเลยรีบโทรหาญาติให้ออกมารับ พอกดโทรศัพท์ไประหว่างที่ได้ฟังเสียงเพลงรอสายก็ได้ยินเสียงรถยนต์ เสียหลักพุ่งชนที่เสาต้นไม้บริเวณและเสาไฟฟ้า จอยตกใจสะดุ้งร้องออกมาด้วยความตกใจจนโทรศัพท์ตก จ้องมองไปที่บริเวณเสาไฟฟ้าเพื่อจะดูเหตุการณ์รถชน รีบหลับตาเพราะกลัว พอลืมตาขึ้น แทบไม่น่าเชื่อว่า บริเวณถนนรถวิ่งกันปกติ ที่เสาไฟฟ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเลยแล้วจอยก็เบิกตาโพลงขึ้นมาที่เพิ่งจะเห็นว่ามีร่องรอยเสาไฟฟ้าหัก ต้นไม้งอ จอยตะลึงกับภาพที่เห็นเพราะเมื่อกี๊ตรงนี้ยังเหมือนเสาไฟฟ้า ยังอยู่ในสภาพปกติดีดี แต่ตอนนี้มันเป็นเหมือนคนละภาพเลย
พอมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องผงะ อยู่ดีดีก็เจอกลับกลุ่มวัยรุ่นที่เดินสวนจอยไป พวกเขากำลังนั่งยองรุมทำอะไรบางอย่างล้อมเป็นวงกลม พอจ้องเข้าไปดูก็เห็นว่ามีวัยรุ่นสิบกว่าคน กำลังรุมกินข้าวอย่างอร่อยวินาทีนั้นจอยยืนตัวแข็งก้าวขาไม่ออก สั่นสะท้านไปทั้งตัว ปากสั่นมองดูพวกเขาที่บางคนเริ่มร้องไห้โหยหวน ครวญครางออกมา หน้าเริ่มซีดเทา บางคนที่เลือดท่วม จากนั้นก็ค่อยจางรวมกันเป็นกลุ่มหมอกควันเทา พอเริ่มได้สติจอยก็กรีดร้องเสียงดังออกมาแล้ววิ่งออกไปอย่าง จนไปเจอร้านค้าขายของชำเลยวิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือ ละล่ำละลักพออธิบายเรื่องราวว่าโดนผีหลอกตรงเสาไฟฟ้าหัก เจ้าของร้านก็ปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าแถวนั้นเพิ่งมีอุบัติเหตุช่วงนี้ไม่มีใครกล้าออกไปแถวนั้นกลางคืน เพราะบางคนบอกว่ามีคนเห็นนักศึกษากลุ่มใหญ่เดินอยู่แถวนั้นแล้วก็หายไป จนผวาทั้งซอย
คาดว่าเด็กกลุ่มนั้นน่าจะจำไม่ได้ว่าตัวเองตายตอนไหน เพราะรถกระบะคว่ำทีเดียวตายรวดกันสิบกว่าคนจอยเลยรีบโทรหาเพื่อนให้เพื่อนออกมารับ ท้ายที่สุดเพื่อนก็สารภาพว่าที่ไม่อยากออกมาเพราะกลัวผี บอกให้จอยนั่งแท็กซี่ และไม่คิดว่าจะกล้ามานั่งรอวิน จนโดนผีหลอกแบบนี้ แต่รอรถอยู่นานก็ไม่มีคันไหนยอมเข้าไป สุดท้ายจอยจึงกลับบ้าน และขากลับ จอยก็เหลือบไปมองกลุ่มเด็กนักศึกษาที่เป็นเหมือนกลุ่มหมอกควันเทา ก็เห็นเงาดำใหญ่อยู่บริเวณนั้น เหมือนมีผีวิญญาณที่ทับซ้อนวิญญาณกลุ่มนักศึกษา อาจจะเป็นไปได้ว่าบริเวณนั้นเป็นจุดผีเฮี้ยนที่อาจจะเคยมีอุบัติเหตุสยองเกิดมาก่อนแล้วก็ได้ จอยบอกว่าคงไม่กล้ากลับไปซอยนั้นอีกนานเพราะยังจำภาพหลอนนั้นได้ติดตา ไม่คิดว่าจะเจอกับประสบการณ์ผีกับตัวเองแบบนี้ส่วนวันที่ไปเยี่ยมญาติแถวซอยนั้น เพราะนัดไว้นาน ปกติตัวเองเป็นลูกจ้างขายเสื้อผ้าร้านเปิดทุกวัน โชคดีช่วงนี้ปรับปรุงร้านเลยจะไปหาเพื่อนคุยกันประสาคนบ้านเดียวกันไม่คิดว่าจะมาเจอผีหลอกแบบนี้ และเป็นอุทาหรณ์ว่าต่อไปจะไม่ไปไหนในซอยเปลี่ยวคนเดียวอีกแล้วแม้จะเป็นที่ที่เธอคุ้นเคยดี ก็ตาม












