"โฆษกเพื่อไทย" ชี้ คลัสเตอร์เรือนจำ เกิดจากการปล่อยปละละเลยของ "รัฐบาล"
วันนี้ มีรายงานว่า น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงกรณีการติดเชื้อโควิด-19 ที่ระบาดในเรือนจำหลายแห่งทั่วประเทศ 9 แห่ง มีผู้ต้องขังติดเชื้อรวมกว่า 9,783 คน คาดว่า ในวันนี้ผู้ติดเชื้อในเรือนจำทั้ง 9 แห่ง จะมีผู้ติดเชื้อเกินหมื่นคน แต่จนถึงขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการประกาศมาตรการพิเศษเป็นการเฉพาะในการป้องกันการระบาดไม่ให้ลุกลามในพื้นที่เรือนจำได้
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เรือนจำหลายแห่งไม่เปิดให้ญาติ หรือบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังตามขั้นตอนปกติ โดยปรับมาใช้วิดีโอคอลมาระยะหนึ่งแล้ว หรือหากมีผู้ต้องขังรายใหม่เข้าเรือนจำจะต้องกักตัว 14 วัน จึงขอตั้งคำถามว่า การระบาดในคลัสเตอร์เรือนจำ รัฐเป็นฝ่ายการ์ดตกอีกครั้งหรือไม่
ดังนั้น เพื่อลดการระบาดในเรือนจำ
1. ควรแยกกลุ่มนักโทษผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย ติดกำไลอีเอ็มแล้วปล่อยตัวชั่วคราว โดยยังคงทัณฑ์บน ซึ่งเป็นวิธีการที่รัฐนิวเซาธ์เวล ออสเตรเลียใช้เมื่อปีที่ผ่านมา
2. สร้างโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ต้องขังในพื้นที่ทหาร ที่มีการดูแลเข้มงวด
3. ชดเชยความเสียหายอย่างเท่าเทียมหากมีผู้ต้องขังเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดในเรือนจำ
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ขณะนี้การระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นพร้อมกัน และในเวลาใกล้เคียงกันจนกลายเป็นคลัสเตอร์ดาวกระจาย แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยปละละเลย ไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ทันท่วงทีกับเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่เข้ามา
ดังนั้นรัฐต้องเปลี่ยนวิธีคิด จัดสรรวัคซีนให้เพียงพอ และเท่าทันต่อสถานการณ์การระบาด หากสถานการณ์การระบาดยังรุนแรงภายใต้การบริหารจัดการที่ล้มเหลวแบบนี้ มีโอกาสที่หลายพื้นที่จะกลายเป็นเมืองร้าง และไทยอาจกลายเป็นประเทศที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าที่สุดในโลก
รัฐต้องเปลี่ยนวิธีบริหาร ศบค.ต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา และประเทศต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เราจึงจะแก้ปัญหาโรคระบาดได้
อ้างอิงจาก: Thailand Vision