เศรษฐกิจการท่องเที่ยว และเปิดประเทศก็สำคัญ
“ถ้าการแก้โรคระบาดโควิดคือวัคซีน การเปิดประเทศ คือการแก้ปมปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ”
อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าตอนนี้โควิดในประเทศไทยระบาดหนักมาก ซึ่งก็เป็นภารกิจที่สำคัญสำหรับรัฐบาลและประชาชนไทยที่จะต้องป้องกันการระบาด แล้วก็ป้องกันตนเองจากโรคร้าย แต่วันนี้เราไม่ขอพูดถึงเรื่องการระบาดเพราะมันมีอีก 1 เรื่องสำคัญ ที่เป็นโจทย์ท้าทายรัฐบาลเช่นกัน นั่นคือเรื่องเศรษฐกิจ
ตอนนี้ EIC ประมาณการ GDP ของไทยปี 64 ว่าจะโตอยู่ที่ 2.0% จากเดิม 2.6% หลังโควิดระบาดรอบ 3 มีความเสี่ยง ที่จะเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำสอง ถึงแม้ว่าการส่งออกมีแนวโน้มที่ดี
แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วย เพราะว่าเศรษฐกิจของไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แล้วในขณะนี้โลกไม่สามารถที่ไปมาหาสู่กันได้เหมือนเดิม ไม่แปลกที่เศรษฐกิจของไทยจะทรุดลงหนักและเร็ว ลำพังจะอาศัยกำลังการท่องเที่ยวในประเทศเองก็ไม่พอ เพราะคนไทยไม่ได้มีกำลังซื้อมหาศาลเหมือนนักท่องเที่ยว ชาวจีน ชาวอินเดีย หรือยุโรป ยิ่งมีการกระบาดแบบนี้ไม่ต้องพูดถึง ออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ในขณะที่รณรงค์ให้คนไทยอยู่บ้าน ประชาชนก็เลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกอีกเหมือนกัน
สำหรับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและเปิดประเทศ ทางรัฐบาลก็มีออกมาแล้วก่อนที่จะเจอโควิดระลอก 3 ด้วยการแบ่งออกเป็น 4 ระยะดังนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.thairath.co.th/news/politic/2086785
ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าผู้ประกอบการก็ค่อนข้างที่จะมีความกังวลอยู่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการจาก “ภูเก็ต” ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวติด TOP 5 เพราะเหมือนว่าวัคซีนจะไม่มาตามนัด รายละเอียดความกังวลของผู้ประกอบการที่ภูเก็ต หาดูได้ที่คลิปนี้เลย
การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงแค่เปิดเฉพาะภูเก็ตอย่างเดียว แต่เฉพาะภูเก็ตอย่างเดียว ก็สามารถทำรายได้ให้ประเทศไปถึง 4หมื่น 2 พันล้านบาท
โดย “ผศ.ดร.ชยานนท์ ภู่เจริญ รองคณบดี คณะการบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต กล่าวว่า หากมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวเฉพาะ 28 ประเทศ ที่ได้รับวัคซีนแล้ว รายได้ประมาณการจะอยู่ที่ประมาณ4หมื่น2พัน ถึง 5หมื่น4พันล้านบาทเฉพาะจังหวัดภูเก็ต 4หมื่น2พันล้านบาท ผันแปรตามความเร็วการฉีดวัคซีนของ28ประเทศต้นทาง ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจโดยตรงต่อจีดีพีประเทศ 0.27% -0.35% ซึ่งมีเป้าหมาย เข้ามาเฉพาะภูเก็ต อยู่ที่5หมื่นถึง1แสน2หมื่นคนเฉพาะเดือนกรกฎาคม คำนวณจากฐานผู้ฉีดวัคซีนจาก28ประเทศต้นทาง”
ดังนั้นวัคซีนจึงเป็นคีย์ความสำเร็จ สำหรับการแก้ปัญหาการระบาด และการเปิดประเทศ คนจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อคนในพื้นที่ต้องได้รับวัคซีน จะได้ปลอดภัย สร้างความอุ่นใจให้กับนักท่องเที่ยว และคนทำงานบริการจะได้บริการได้อย่างเต็มที่ ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าคนภูเก็ต และอีกหลายๆ จังหวัดแห่งการท่องเที่ยวพร้อมแล้วที่จะฟื้นฟูการท่องเที่ยว
รัฐบาลจึงจะต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับคนในประเทศในเรื่องวัคซีน มีการกำหนดแผนการอย่างชัดเจนและอย่าได้หลุด
ไทม์ไลน์ ถ้ารัฐบาลสามารถที่จะเร่งฉีดวัคซีนตามแผนงานในมุมต่างๆ เชื่อได้ว่าโรคระบาดและการท่องเที่ยว จะฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
ล่าสุดรัฐประกาศให้คนวอร์คอินเข้าฉีดวัคซีนได้แล้ว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ในส่วนคนที่รอไฟเซอร์ โมโดน่า ก็รอต่อไปแต่ต้องรอแบบระวังตัวเสมอ ส่วนคนที่พร้อมฉีดเพราะอดทนรอกับเศรษฐกิจที่แย่แบบนี้ไม่ไหว ลองดูร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวตอนนี้เงียบยังกับป่าช้า ยิ่งแหล่งท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดที่เคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหนาตาร้างมากๆ หากยังรอต่อไปมีแต่แย่กับแย่ ฉะนั้นก็ร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ด้วยการฉีดวัคซีน และภาครัฐก็ควรเร่งมือให้มากกว่านี้ไล่ตามพื้นที่สีแดง จังหวัดท่องเที่ยวหัวเมืองใหญ่ๆ
ขอทิ้งท้ายไว้ว่าต่อให้ฉีดแล้วเราก็ยังควรเว้นระยะห่าง ใส่แมสก์ ล้างมือบ่อยๆ เพราะเชื่อว่าประเทศเรายังมีบางส่วนที่ไม่ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงแน่ๆ ฉะนั้นอย่าประมาท!!