มาดูกันเหมือนไทยไหม!! อะไรเป็นแรงจูงใจ ให้คนญี่ปุ่นย้ายออกจากประเทศ?
ภาพประกอบจาก google
"อะไรเป็นแรงจูงใจ ให้คนญี่ปุ่นย้ายออกจากประเทศ?"
"ทำไมฉันต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้กันนะ" อายูมิ โทมิตะ สาวญี่ปุ่นคนหนึ่งพูดกับตัวของเธอเองอยู่บ่อยครั้งเมื่อครั้นที่ยังอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น
ซึ่งความคิดนี้ไม่ได้เกิดกับเธอแค่เพียงคนเดียว การทำงานในประเทศญี่ปุ่นดูเหมือนจะเอาเวลาทั้งหมดของคุณไป เหลือไว้แค่เพียงเวลานอนเท่านั้น
การไปพักร้อนที่กวม เกาะหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก เธอกำลังนั่งอยู่ที่ริมชายหาด มีแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง มีคลื่นน้ำทะเลที่ซัดฝั่ง และมีเวลาที่เหลือเฟือที่ดูเหมือนจะเปิดกว้างความเป็นไปได้ของทุกสิ่ง
"หรือฉันควรจะ..."
"อยู่ที่นี่"
ไอเดียนี้ได้ผุดเข้ามาในหัวของเธอ เธอครุ่นคิด
ในอีกชั่วขณะ อีกหนึ่งความคิดก็เด้งขึ้นมาในหัว
การมาพักร้อนครั้งนี้ เธอได้รู้จักกับคนคนนึง ที่รู้จักกับเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าที่อยากเซ้งร้านของตัวเอง
"หรือฉันควรจะ..."
เธอครุ่นคิดอีกครั้ง
มันมีเหตุผลมากมายที่จะไม่ทำมัน
เพราะเธอเป็นเพียงพนักงานออฟฟิศเท่านั้น ไม่เคยทำธุรกิจ
อีกทั้งเธอยังต้องมีวีซ่าทำงาน และใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
นอกจากนั้นการตัดสินใจครั้งนี้ มันคือการละทิ้งทุกอย่างที่เธอมีเพื่อสิ่งที่เธอต้องการ แต่ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันนักว่าเธอนั้นจะได้สิ่งที่เธอต้องการจริงๆหรือไม่
ในเวลาตอนนั้น
เธอมีอายุได้ 30 ปี โอกาสมันคือตอนนี้ หรือ ไม่มีอีกเลย
"It's now or never"
เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วเธอก็ตัดสินใจว่าโอเค นี่แหละ ฉันจะไม่กลับไป
10 ปีต่อมา เธอให้สัมภาษณ์
พวกเขาถามเธอว่า "มีความคิดที่อยากจะกลับไปหรือไม่?"
เธอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่ค่อย"
สิ่งที่เธอคิดคือ เธอคิดถึงพ่อแม่ที่อายุมากแล้วของเธอ และนั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่เธอจะกลับไป
ถามว่าในเวลาที่ผ่านมา มีเสียงเรียกจากญี่ปุ่นให้กลับไปบ้างไหม
เสียงในหัวของเธอ
"เธอบอกว่าเธอก็ได้ยินมันนะ แต่มันไม่ค่อยดังเท่าไหร่"
เพราะการทำธุรกิจของเธอประสบความสำเร็จ เธอรู้สึกมีความสุข เธอรู้สึกว่าเวลานอกเวลางาน ก็คือเวลานอกเวลางาน หรือ พักก็คือพักนั่นเอง
มาซาฮิโกะ นาบาโนะ ชายญี่ปุ่นที่พึ่งเรียนจบใหม่ๆที่อยากไปทำงานที่ต่างประเทศ เขาเป็นคนหนึ่งที่มีความฝัน และความฝันของเขา เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถทำมันได้อย่างเต็มที่หากอยู่ที่ญี่ปุ่น
ความฝันนั้นก็คือ การงาน การมีเวลาให้ครอบครัว และการเล่นฟุตบอล ซึ่งแค่เรื่องงานในประเทศญี่ปุ่นก็คงจะกินเวลาไปมากแล้ว อย่าว่าแต่มีเวลาให้ครอบครัวเลย เรื่องการเล่นฟุตบอลคงไม่ต้องพูดถึง
ปัจจุบันเขาเป็นชายอายุ 30
อาศัยอยู่ที่ประเทศโปแลนด์
ทำงาน 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น
- ช่วงเช้าทำงาน
- ช่วงบ่ายเล่นบอล
- ช่วงเย็นอยู่บ้าน
ส่วนเรื่อง OT น่ะหรอ แทบจะไม่มี
ย้อนกลับไปในตอนหลังจากเรียนจบใหม่ๆ ประเด็นหลักสำคัญของการหางานก็คือ
"บริษัทนั้นมีสาขาต่างประเทศรึเปล่า?"
ซึ่งบริษัทที่เขาเลือกทำงานในตอนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นนั้นก็คือ บริษัทโรงงานแปรรูปโลหะ ซึ่งมีสาขาที่อยู่ในต่างประเทศนั่นเองครับ
เมื่อทำงานได้มาสักพักหนึ่งเขาก็ได้รับโอกาส ย้ายไปทำงานที่ประเทศโปแลนด์ แต่งงาน ซื้อบ้าน
และถึงแม้ว่าเขาจะทำเงินที่โปแลนด์ได้น้อยกว่าที่จะทำได้ในประเทศญี่ปุ่น แต่เขากลับรู้สึกว่าภาพรวมชีวิตของเขานั้น เขากำลังใช้ชีวิตที่สวยหรูและรวยกว่า และยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นในตอนที่มีลูก
ฮิโรยูกิ นิชิมูระ ชายญี่ปุ่นอายุ 42 ปีที่อาศัยอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
กล่าวว่า
“ เมื่อมองไปที่เศรษฐกิจและการเมืองของญี่ปุ่นจากมุมมองของคนที่อยู่ต่างประเทศ สิ่งที่ฉันเห็นคือเงินเดือนน้อยและมีเวลาว่างน้อย
มีเด็กไม่กี่คนที่กำลังจะเกิด (อัตราการเกิดน้อย)
มีการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่มีใครทำอะไร
สังคมทั้งหมดดูเหมือนจะสิ้นเปลืองไปกับเรื่องไม่สำคัญ”
เขาบอกว่าเขาสบายใจที่จะอยู่ที่นี่มากถึง "80%" เลยนะ ถึงแม้ว่าจะพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เขาก็พยายามที่จะปรับตัว เขาใช้เวลาส่วนมากทำงานออนไลน์อยู่บ้าน
และหากจะเดินทาง เมืองปารีสก็เล็กพอที่จะไปไหนมาไหนได้ด้วยจักรยาน และเขาเองก็ชอบแบบนั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีรถไฟที่เชื่อมกันทุกพื้นที่ก็ตาม
ส่วนเรื่องอาหาร เขาก็ไปซื้อที่ซุปเปอร์มาเก็ตมาทำเองที่บ้านซะส่วนใหญ่ เพราะอาหารและวัตถุดิบในซุปเปอร์มันดีจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ข้อเสียก็ยังงคงมี
ด้วยความที่เขาเป็นคนญี่ปุ่น ความตรงต่อเวลา เป็นคุณสมบัติหลักอยู่แล้ว
"แต่ไม่ใช่กับที่นี่ซะเท่าไหร่"
คนฝรั่งเศสดูท่าจะไม่ค่อยเป็นกังวลที่จะปล่อยให้คนอื่นรอมากนัก
การบริการส่งของก็ส่งของช้าบ่อยครั้ง ซึ่งคนขับมาส่งก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะขอโทษแต่อย่างใด
นอกจากนั้นก็ยังมีไฟดับอยู่บ่อยครั้ง
ครั้งหนึ่งรถไฟที่ไปสนามบินเกิดไฟดับ และนั่นก็ทำให้เขาพลาดไฟลท์บินนั้น
แต่นั่นใช่เหตุผลที่จะกลับไปประเทศญี่ปุ่นรึเปล่า
"ไม่มีทาง"
หลายๆอย่าง ญี่ปุ่นไม่ใช่พื้นที่สำหรับเขา
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจจะอยู่หรือจะไปนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลแต่เพียงเท่านั้น เป็นเรื่องของความสบายใจ และความปราถนา และเป็นเรื่องของความคิด ซึ่งความคิดของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันครับ
Cr. Japantoday