ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงหลักฐานว่าการรัฐประหารครั้งล่าสุดของเมียนมาอาจเปิดทางให้เกิดการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าครั้งใหญ่ในประเทศ การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอาจยิ่งเป็นแรงกดดันให้ทรัพยากรทางธรรมชาติถูกทำลาย
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงหลักฐานว่าการรัฐประหารครั้งล่าสุดของเมียนมาอาจเปิดทางให้เกิดการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าครั้งใหญ่ในประเทศ การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอาจยิ่งเป็นแรงกดดันให้ทรัพยากรทางธรรมชาติถูกทำลาย ผู้เชี่ยวชาญมองว่าผู้นำเผด็จการอาจต้องแสวงหาเงินด่วนมาใช้เพื่อให้รัฐบาลยังทำงานได้
การปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงที่ไร้อาวุธของรัฐบาลทหารเมียนมาทำให้มีประชาชนเสียชีวิตจำนวนมากและประเทศตกอยู่ในความโกลาหล การปกครองด้วยความรุนแรงของผู้นำเผด็จการทหารเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามมาด้วยผลกระทบที่น่ากังวลจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อทรัพยากรธรรมชาติ
หลักฐานชิ้นหนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ปกครองของเผด็จการทหาร คือการตัดไม้ทำลายป่า โดยมีแรงผลักดันคือการแสวงหาผลกำไรมาใช้จ่ายในรัฐบาล โดยเริ่มจากการจำหน่ายไม้ผิดกฎหมายซึ่งเป็นของกลางที่ยึดได้ นอกจากนี้ ภาพถ่ายดาวเทียมยังยืนยันว่าการตัดไม้ทำลายป่าในเมียนมามีแนวโน้มสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
แต่การรัฐประหารอาจเป็นสิ่งที่ทำลาย ‘ประตูเขื่อน’ ของกิจกรรมผิดกฎหมาย เมื่อการเฝ้าระวังและการค้าระหว่างประเทศเสื่อมสลายก็ย่อมเป็นการเปิดทางให้กิจกรรมใต้ดินทำง่ายขึ้น องค์กรเฝ้าระวังพื้นที่ขัดแย้งและสิ่งแวดล้อม หรือ CEOBS (Conflict and Environment Observatory) องค์กรภาคเอกชนสัญชาติอังกฤษอ้างว่า การตัดไม้ในพื้นที่ป่าปฐมภูมิบริเวณภาคกลางของเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่มีการรัฐประหาร ซึ่งรัฐบาลเผด็จการอาจฉวยใช้ความได้เปรียบของสถานการณ์จำหน่ายไม้ผิดกฎหมายจำนวนมหาศาลให้กับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งไม่ตั้งคำถามถึงแหล่งที่มาของทรัพยากรเหล่านั้น
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นถึงการทำลายป่าฝนเขตร้อนผืนใหญ่ช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายนปีนี้ ในอุทยานแห่งชาติ Alaungdaw Kathapa ซึ่งเป็นพื้นที่มรดกอาเซียนและเป็นผืนป่าใหญ่ของสัตว์ป่าที่หายากและใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น ช้างป่าและเสือลายเมฆ มีความโดดเด่นทั้งความหลากหลายทางชีวภาพและความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
อ่านบทความ รัฐประหารเมียนมากับการลักลอบทำลายป่าครั้งมโหฬาร ฉบับเต็มที่ https://bit.ly/3eTHN3I