นายกฯ สาดงบ 4.73 แสนล้าน!!! สู้โควิด หมุนเศรษฐกิจไทย
นายกฯ สาดงบ 4.73 แสนล้าน!!! สู้โควิด หมุนเศรษฐกิจไทย
หลังจากที่รอคอยมานาน ล่าสุดวานนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นั่งเป็นประธานประชุมครม.ก่อนทุบโต๊ะสาดงบประมาณเทกระจาดเม็ดเงินทำสงครามกับเชื้อโควิด บวกลบคูณหารเบื้องต้นรัฐบาลต้องใช้เงินราว 245,000 ล้านบาท เข้าช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มชนิดฝนตกทั่วฟ้า เพื่อไม่ให้ถูกจับเป็นประเด็นเอื้อคนรวยไม่ช่วยคนจนอีกหลักใหญ่ใจความของการออกมาตราการเมื่อวานนี้จึงโฟกัสไปที่กลุ่มคนผู้มีรายได้น้อยและคนชั้นกลาง อาทิ มาตรการด้านการบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ให้ประชาชน และ ธุรกิจขนาดเล็ก ช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2564 ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะช่วยผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่ ทั้งนี้ในส่วนมาตราการระยะที่ 1 ประกอบด้วยโครงการเราชนะ อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ตกคนละ 2,000 บาท ครอบคลุม 32.9 ล้านคน โดยให้สิ้นสุดเวลาการใช้จ่ายใน 30 มิถุนายน ใช้เงินรวมประมาณ 67,000 ล้านบาท
โครงการ ม.33 เรารักกัน อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ตกคนละ 2,000 บาท ครอบคลุม 9.29 ล้านคน โดยให้สิ้นสุดเวลาการใช้จ่ายใน 30 มิถุนายน ใช้เงินรวมประมาณ 18,500 ล้านบาทมาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ ทั้งประชาชน ผู้ประกอบการ และเกษตรกร โดยธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้สินเชื่อแก่ประชาชนรายละ 10,000 บาท ด้วยหลักเกณฑ์ที่ผ่อนปรนกว่าสินเชื่อปกติ ดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 ปี ปลอดชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก
มาตรการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจหรือ SFIs โดยให้ SFIs ขยายระยะเวลาพักชำระเงินต้นให้แก่ลูกหนี้ ออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อลดภาระ และสามารถนำเงินที่จะต้องชำระหนี้ไปเป็นเสริมสภาพคล่อง นอกจากนี้ยังจะมีมาตรการต่อเนื่องอื่นๆอีก เช่น การช่วยเหลือลูกหนี้กยศ. ลดดอกเบี้ย 0.01 ยาวถึงสิ้นปี ฯลฯนอกจากโครงการระยะสั้นแล้ว ทางรัฐบาลยังได้วางแผนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องไปอีกถึงอย่างน้อยสิ้นปีนี้ ด้วย มาตรการในระยะที่ 2 ภายใต้กรอบวงเงินประมาณ 140,000 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 ประกอบด้วย
โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โดยให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ตกคนละ 1,200 บาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 ครอบคลุมประชาชนประมาณ 13.65 ล้านคน
โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ตกคนละ 1,200 บาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 ครอบคลุมประชาชนประมาณ 2.5 ล้านคน
โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 รัฐบาลสมทบเงินให้คนละไม่เกิน 3,000 บาท ใช้จ่ายได้ไม่เกินวันละ 150 บาทต่อวัน
โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ รัฐจะสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher)คนละไม่เกิน 7,000 บาท ใช้ได้สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน ให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิเมื่อชำระเงินผ่าน g-Wallet
” มาตรการในระยะที่ 2 ทั้ง 4 โครงการข้างต้นจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายกว่า 51 ล้านคน และคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 473,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถมีโอกาสในการขายสินค้า และบริการได้มากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์แถลงผลบวกโครงการที่จะมาช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นในช่วง1-2 เดือน และระยะยาวในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
นอกจากนี้หากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง คนไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่มากขึ้น รัฐบาลก็เตรียมเข็นโครงการท่องเที่ยวสำคัญอีก 2 ตัวออกมาให้คนไทยได้ไปเที่ยวคลายเครียดผักพ่อนหย่อนใจ ประกอบด้วย 1.โครงการเราเที่ยวด้วยกันที่จะขยายสิทธิ์ให้คนไทยเพิ่มจาก 6 ล้านสิทธิ์ เป็น 8 ล้านสิทธิ์ และ 2.โครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่รัฐบาลจะสนับสนุนค่าเดินทางของประชาชนร้อยละ 40 ของค่าใช้จ่ายเพเกจนำเที่ยว แต่ไม่เกิน 5,000 บาท โดยมีข้อแม้ว่าต้องท่องเที่ยวข้ามจังหวัดในวันธรรมดา (อาทิตย์ถึงพฤหัสฯ) ไม่ต่ำกว่า 3 วัน 2 คืน รวม 1 ล้านสิทธิ์ เรียกว่าไปเที่ยวกันให้จุใจงานนี้นอกจากจะต้องสวมบทบู๊ลงสู้กับโควิดชนิดต้องลงไปนั่งกำกับทำงานเองแล้ว โดยเฉพาะการนั่งเป็นผอ.ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลแล้ว อีกด้านงานบุ๋นพล.อ.ประยุทธ์ก็เคาะนโยบายกระจายงบประมาณพยุงชีวิตคนไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติ 2 บทบาท 2 หัวโขน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่เจ้าตัวยืนยันว่าจะไม่หยุด “คิด” ไม่หยุด “ทำ” เพื่อให้คนคนไทยฝ่าวิกฤตินี้ไปให้ได้
” ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี จะไม่มีวันท้อถอยหรือท้อแท้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาใดๆ และจะไม่หยุดในการคิดและทำเพื่อช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน เพื่ออนาคตของประเทศไทยหลังโควิดที่มั่นคงและแข็งแรง” พล.อ.ประยุทธ์ทิ้งท้าย