เปิดธรรมาภิบาลฉบับเหล้าเก่าในขวดใหม่ของ มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์

จากเหตุการณ์ที่มีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำโขงชายแดนติดประเทศลาว ได้ถูกคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
อว. ออกคำสั่งที่ 103/2563 เรื่อง ให้นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ และ
แต่งตั้งคณะบุคคลปฏิบัติหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยฯ ลงวันที่ 01 พฤษภาคม 2563

ปัจจุบันคำสั่งดังกล่าวมีอายุครบรอบขวบปี เราในฐานะผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์แห่งนี้จึงนำความคืบ
หน้ามารายงานให้ผู้ที่สนใจได้ทราบถึงการพัฒนาการตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ดังกล่าวดังนี้

1. การปฏิบัติหน้าที่
    การออกระเบียบ/ข้อบังคับ ที่เอื้อต่อพวกพ้องและหาเสียงเพื่อให้ตนเองดำรงสถานะให้กลุ่มอำนาจของตนเองยังอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ เช่น ออกข้อบังคับการสรรหากรรมการสภาตัวแทนคณาจารย์ที่กำหนดคุณสมบัติชนิดที่ว่าบุคลากรสายสนับสนุน และคณาจารย์ที่เป็นสัญญาจ้างปีต่อปีกลายเป็นพลเมืองชั้นสองไม่มีสิทธิ์ได้ออกเสียง มีเพียงแค่คณาจารย์ที่เป็นข้าราชการประจำและงบประมาณแผ่นดินที่มีสิทธิ์เลือกซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนไม่ถึงครึ่งของบุคลากรทั้งหมด และกำหนดคุณสมบัติขัดแย้งตัวเอง เช่น ต้องเป็นผู้สอนมา 10 ปี (เหตุผลคือต้องการผู้ที่รอบรู้ปัญหาขององค์กรมาอย่างยาวนาน) หรือมีตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ แต่ถ้ากรณีถ้าบรรจุมา 2 ปีแล้วสามารถทำตำแหน่ง ผศ.ได้ นั่นหมายถึงการได้ตำแหน่ง ผศ.นั้นสามารถรู้ปัญหาขององค์กรมาอย่างยาวนานเท่ากับคณาจารย์ที่อยู่มา 10ปี เช่นนั้นหรือ? / กรณีข้อบังคับการสรรหาผู้บริหารระดับคณะจะต้องมีตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์เป็นขั้นต่ำซึ่งจะทำให้กลุ่มคนที่มีคุณสมบัติแคบลง เป็นการจำเพาะเจาะจงเพื่อใคร? ในขณะที่มหาวิทยาลัยต้องการคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารจัดการให้ทันโลกทันเหตุการณ์แต่ในทางกลับกันคุณสมบัติที่ทางคณะบุคคลกำหนดเป็นกลุ่มคนรุ่นเก่าเกือบทั้งสิ้น นี่คือระบบศักดินาที่ต้องการหาที่ฝังราก รากลึกหรืออาจจะเป็นโครงการสร้างบ้านพักคนชราโดยใช้มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์แห่งนี้เป็นฐานไว้เพื่อรองรับบุคคลบางกลุ่มหรือไม่

2. การแต่งตั้งผู้บริหารที่เน้นแต่พวกพ้องหรือกลุ่มนางสนองพระโอษฐ์ของตนเองเข้าไปรักษาการคณบดี/ผู้อำนวยการในหน่วย
งาน เช่น ให้รองอธิการบดีลงรักษาการ หรือ กรณีล่าสุดเป็นกรณีเปรียบเทียบ มีคณบดีคณะหนึ่งเปิดตัวว่าจะลงสมัครในการ
สรรหาอธิการบดีฯ ซึ่งขณะนี้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิการบดีฯได้ แต่? หน่วยงานระดับคณะหนึ่งที่รักษาการ
อธิการบดีเสนอชื่ออดีตคณบดีคณะนั้นกลับมารักษาการ ซึ่งอดีตคณบดีท่านนั้นยังมิได้เปิดตัวว่าจะลงสรรหาในตำเเหน่งผู้บริหารคณะนั้นแต่คณะบุคคลฯอ้างว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจนั้นคือธรรมาภิบาลในสองกรณีนี้หรือไม่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน

3. ผลงานการบริหารงาน 1 ปีที่ผ่านมาทางคณะฯได้จัดสรรเก้าอี้อธิการบดี คณบดี ได้นั่งกันแบบสนุกสนาน(เก้าอี้ดนตรี) เพื่อ
กินเงินประจำตำแหน่งกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ในขณะที่บุคลากรในหน่วยงานไม่มีเงินเดือนมาหลายเดือน แถมด้วยการขึ้นเงิน
ค่าตอบแทนตำแหน่งอธิการบดีจากเดิมประมาณ 150,000 บาทเป็น 260,000 แถมด้วยการเบิกจ่ายค่าที่พักกันสนุกสนานทั้งๆ
ที่ไม่มีระเบียบ ข้อบังคับกำหนดไว้

- งบประมาณเงินรายได้ไม่เพียงพอแต่จะบรรจุบุคลากรเข้ามาเพิ่มโดยที่ไม่มีรายได้ แถมด้วยการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัคร
ช่วยเหลือกันเองชนิดที่ว่าแทบจะเอารอบเอว เบอร์รองเท้ามากำหนดเพื่อให้ได้คนที่ตัวเองต้องการเพื่อที่จะได้ “ค่าต๋ง”ให้กับผู้
บริหารบางคนที่เคยตั้งโต๊ะรับเงินถ้าใครอยากบรรจุเป็นอาจารย์ก็ต้องมาจ่ายเงินให้กับผู้บริหารคนนี้(มีเหตุการณ์ในคณะใหญ่
เกือบทุกคณะฯ)

-โครงการจัดซื้อจัดจ้างที่แสนจะสะอาดหูสะอาดตาที่มีข้าราชการบางคนที่แอบไปเรียกเงินกินเปล่าจากบริษัทที่ได้รับงานประมูล
เดือนละหลักหมื่นถึงแสน และปัจจุบันมีการเรียกสินบนซื้อตำแหน่งอาจารย์อัตรางบประมาณแผ่นดินในหน่วยงานแห่งหนึ่ง
ของมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์แห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มีการส่งมอบเงินสดกันที่โรงแรมเก่าแก่แห่งหนึ่งใกล้แม่น้ำโขง ซึ่งบุคคลนี้เป็น
บุคคลระดับครูอาจารย์เก่าของกลุ่มข้าราชการบางกลุ่มในมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งการทุจริตเหล่านี้ทุกกลุ่มทราบดีแต่เนื่องจากมี
สัมพันธ์เหนียวแน่นจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่จนพัฒนาการเป็นแก๊งมาเฟียที่ฝังรากลึกกัดกินมหาวิทยาลัยอยู่มาเป็นเวลายาวนาน

- การจัดซื้อจัดจ้างที่มีหลักฐานการเบิกจ่ายแต่ไม่มีการส่งมอบพัสดุมูลค่าหลักล้านโดยมีผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้สั่งการ(คนที่ชอบ
เก็บค่าต๋ง) ซึ่งขณะนี้ สตง.กำลังให้มหาวิทยาลัยชี้แจงรายละเอียด

- ผู้มีอำนาจในฝ่ายการเงินการคลังมีเงินในบัญชีจำนวนกว่า 20 ล้านบาท ซึ่ง สตง.ได้ตรวจพบ และเจ้าของบัญชีดังกล่าวอ้างว่าได้เงินมาจากการเล่นการพนัน?

- ปล่อยให้ผู้บริหารฯในระดับกองที่เป็นสามีภรรยากันมีหน้าที่ อำนาจในการสั่งการหรือมีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องกัน เช่น ใน
เรื่องการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น

- ปล่อยให้ผู้ที่เคยถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ประเด็นเกี่ยวกับการเงินของสภามหาวิทยาลัยมูลค่าหลักล้านบาทยังมี
หน้าที่อยู่และแถมด้วยการยกเลิกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในกรณีดังกล่าว

- ไม่เคยมีนโยบายที่สามารถหารายได้เข้ามาใช้จ่าย หมุนเวียน หรือมาตรการใดๆที่จะทำให้มหาวิทยาลัยสามารถเลี้ยงตัวเองได้
รอเพียงแค่การของบประมาณจากส่วนกลาง ซึ่งต้องติดเงื่อนไขมากมายและไม่สามารถดำเนินการโครงการใดๆต่อเนื่องได้ เช่น
หอประชุมฯที่ยังค้างคาอยู่ สนามกีฬาที่เพิ่งได้แค่เฟสเดียวทั้งๆที่โครงการมีทั้งหมด 3 เฟส แต่สำนักงบฯได้ตัดงบประมาณส่วนที่
เหลือและไม่ให้งบประมาณต่อโดยสาเหตุเพราะมหาวิทยาลัยฯถูกคำสั่ง ม.51

- ปัจจุบันมหาวิทยาลัยไม่มีรายได้เพียงพอ กำลังจะปลดพนักงานมหาวิทยาลัยออกจำนวนมาก และคาดว่าเดือนหน้าจะไม่มีเงินเดือนจ่ายพนักงานที่จ้างด้วยงบรายได้ของมหาวิทยาลัยฯ เช่นเดียวกับวิทยาลัยการบินนานาชาติฯ

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่มีคณะกรรมการคณะนี้เข้ามาบริหารจัดการ ทั้งหมดนี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่คณะนี้รู้เรื่องราวทั้งหมด
แต่กับปล่อยให้มีการทุจริตกันอย่างโจ๋งครึ๊ม และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของรากเหง้าของการทุจริตชนิดที่เรียกว่ารากเหง้าของแท้ที่มหา
วิทยาลัยสารขัณฑ์แห่งนี้กำลังประสบอยู่อย่างน่าเวทนาแต่ไม่มีใครสามารถจัดการกับกลุ่มมาเฟียกลุ่มนี้ได้สักครั้งทั้งๆที่มหาวิทยาลัยฯไม่ค่อยจะมีงบประมาณอยู่แล้ว ความหวังของบุคลากรที่ได้รับทราบคำสั่ง 103/2563จากรัฐมนตรีว่าการ อว.เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แต่กลับกลายเป็นฝันร้ายซ้ำซากที่พบเจอแถมด้วยเหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่าที่เคยเป็น แก้ปัญหาผิดที่ เกาไม่ถูกที่คัน แถมด้วยล่าช้าเหมือนเต่าป่วย ทำงานเพื่อล่าเบี้ยประชุม/เบี้ยเลี้ยงไปเรื่อยๆรอวันให้งบประมาณหมด มหาวิยาลัยจนล้มละลายไปเองทั้งหลายทั้งปวงคือผลงานเด็ดที่ทำให้มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์แห่งนี้กำลังได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เร็วชนิดที่เรียกว่าเอาเหล้าเก่ามาใส่ในขวดใหม่ทันทีแต่ก็เมาเหมือนกัน

เหล้าเด็ดอีกขวดที่ทำให้ม.สารขัณฑ์ นั้นเสียหายอยู่หลายครั้ง ซึ่งบุคคลนั้นชอบอ้างตัวว่าตนนั้นเป็นสื่อที่มีคุณภาพ มีความเป็น
ธรรมและเป็นกลางในการนำเสนอ แต่แท้จริงเเล้วสิ่งที่ตนนั้นนำเสนอออกสื่อเเต่ละประเด็น เเสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่ต่ำและใช้
อารมณ์ส่วนตัวของตัวเองนำเสนอออกมา ทำให้คนที่ติดตามส่วนมากเข้าใจผิด ทั้งที่รู้ความจริงไม่ถึง 20 เปอร์เซ็น ที่มีแต่น้ำไม่มี
เนื้อหาใดๆ เนื้อหาซ้ำซากเพราะไม่มีความรู้และข้อเท็จจริงอะไรมานำเสนอ นี่หรือคนดีของสื่อ หรืออาจจะเป็นแค่สื่อเถื่อน ไม่มี
ตัวตน บัตรเเสดงตัวสื่อก็ไม่มี แท้จริงเเล้วก็แค่อยากปลุกปั่นสร้างความเเตกเเยกให้ม.สารขัณฑ์ ให้เสียหายลงไป เเละอ้างว่าตน
นั้นทำเพื่อความถูกต้อง แท้จริงคือรับค่าจ้างจากบุคคลบางกลุ่มให้โจมตีมหาวิทยาลัยทั้งที่ตนเองกับบุคคลนั้นก็เคยไม่ชอบกันมา
ก่อนแต่เมื่อมีเรื่องเงินมาคุยกันทุกอย่างก็เป็นไปด้วยกันด้วยดี แถมด้วยคนที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีมหาวิทยาลัยปัจจุบันก็กำลัง
ถูกดำเนินคดีการทุจริตการนำเข้าถุงมือยางจากจีน จำนวนประมาณ 22 ล้านบาท ซึ่งมีหน่วยงานๆหนึ่งเป็นเจ้าภาพในการดำเนินคดีกับบุคคลๆนี้ ท้ายที่สุดเเล้วความจริง เท็จอย่างไร จะค่อยๆปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆให้เห็นเป็นรูปธรรมเพราะทุกอย่างย่อมมีเวลาและกรรมของมัน แต่สุดท้ายคนที่รับกรรมจริงๆและหลีกไม่พ้นความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสก็คือองค์กรและบุคลากร

ของมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์แห่งนี้