"อนุทิน" เร่งเจรจา วัคซีนไฟเซอร์ คาดว่าจะได้ 10 ล้านโดส ก่อน ก.ค. นี้
วันนี้ ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรี สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการจัดหาวัคซีนทุกชนิดที่มีความปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ไม่มีการระบุว่าต้องเป็นบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และได้ให้แนวทางจัดหาเพิ่มให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากร จากเดิมที่กำหนดไว้ตามทฤษฎีคือร้อยละ 60 ของประชากรก็สามารถสร้างภูมิต้านทานหมู่ได้
เราจึงพยายามหาวัคซีนให้ได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ไทยสั่งซื้อจากแอสตร้าเซนเนก้าได้ 60 ล้านโดสได้รับในเดือนมิถุนายน บริษัทอื่นก็เริ่มเข้ามาเจรจา และสามารถจัดส่งได้เร็วขึ้น จากเดิมส่งได้สิ้นปี 64 เลื่อนเป็นไตรมาส 3 ปี 64 อยู่ที่การเจรจา โดยพรุ่งนี้จะมีการเจรจากับตัวแทนผู้ผลิตวัคซีน 2-3 ราย สิ่งสำคัญที่สุดคือจะได้รับวัคซีนเมื่อไหร่ เราต้องทำให้เกิดความมั่นใจ
นาย อนุทิน ระบุต่อว่า สำหรับวัคซีนของไฟเซอร์ ยังเจรจาอยู่ และรอใบเสนอราคา หากส่งมอบ 10 ล้านโดสได้ภายในมิ.ย.-ก.ค. จะจัดซื้อ เนื่องจาก สามารถฉีดให้ได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป และเพิ่งได้รับข้อมูลเรื่องการจัดเก็บ เดิมเก็บที่อุณหภูมิ – 70 องศา ขณะนี้เก็บได้ที่ – 20 องศา และที่ 2 – 8 องศา จะเก็บไว้ได้ 2 เดือน เท่ากับแอสตราเซนเนก้าและ ซิโนแวค เก็บได้ 3 เดือน รวมทั้ง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดให้บริษัทวัคซีนสปุตนิกมาเจรจา มีตัวแทนเข้ามาก่อนหน้านี้ให้มาขึ้นทะเบียน แต่ต้องให้รัฐบาลยืนยันสั่งซื้อก่อน และจะส่งให้สิ้นปี 64 ยืนยันนายกฯ ไม่เคยไม่สนับสนุนให้คนไทยไม่ได้รับวัคซีน มีแต่ให้มากขึ้น
ส่วนกรณีผลข้างเคียงหลังจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 นายอนุทิน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ประชุมคณะทำงานติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีนในช่วงบ่ายวันนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจะร่วมกันพิจารณา ซึ่งขณะนี้มีหลายสมมติฐาน และแถลงข้อสรุปที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันให้ทราบในบ่ายวันนี้
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนอาจมีอาการไม่พึงเกิดขึ้นได้ ยืนยันว่าต้องสังเกตอาการหลังการฉีด 30 นาที หากมีอาการผิดปกติจะมีแพทย์ดูแลทันที ซึ่งที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่ฉีดแล้วไม่มีผลข้างเคียง เชื่อว่าเกิดจากร่างกายของแต่ละคน มีปฏิกิริยาตอบสนองต่างกัน เราต้องระวังมากขึ้น การตัดสินใจว่าฉีดต่อหรือจะหยุด ต้องได้รับการพิจารณา และคำแนะนำจากคณะกรรมการวิชาการชุดนี้ก่อน
ซึ่งแม้แต่ผมในฐานะรัฐมนตรีก็สั่งไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องทางวิชาการทางการแพทย์ ขณะนี้ไม่มีการชะลอฉีด แต่มีคำสั่งให้ดูแลสังเกตอาการเป็นพิเศษ และเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือหากมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
อ้างอิงจาก: เพจ : Thailand Vision