8 เทคนิคการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า

สำหรับคนมีคู่รักคงเข้าใจอารมณ์ของบรรยากาศพิเศษระหว่างกัน ว่า ณ โมเม้นท์นั้นๆ มีความรู้สึกอย่างไร แต่หากใครเป็นคนโสดก็อาจจะเข้าใจยากหน่อย แต่ไม่เป็นไร อาจจะใช้ความรู้สึกเดียวกับเพื่อนหรือคนใกล้ชิดตัวเราก็ได้ ที่เป็นความรู้สึกดี ปลอดภัย มั่นใจ ซึ่งการสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้เกิดขึ้นนั่นแหละเป็นสิ่งที่ยาก หากคนที่เราจะความความรู้สึกดีๆ ด้วยคือลูกค้า เนื่องจากมันเป็นความรู้สึกที่ถูกสร้างขึ้นตรงกลางระหว่างคำว่างานกับความรู้สึกส่วนตัว หากจะอธิบายให้เห็นภาพก็คือ การที่ลูกค้าหรือคนฟังจะรับรู้ได้ว่าเป็นสิ่งที่พนักงานของบริษัทคู่ค้ารู้สึกอย่างที่คิดจริงๆ หรือเพียงแสดงออกไปตามหน้าที่ ดังนั้นการที่จะสร้างความรู้สึกนี้ให้เกิดขึ้นได้จึงต้องพยายามแสดงออกมาให้เห็นตัวตนจริงๆ ของแบรนด์หรือองค์กรให้ได้เสียก่อน อย่างไรก็ตาม การสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าก็ไม่ใช่เรื่องยากเกิน หากแบรนด์มีความเข้าใจต่อลูกค้าที่แท้จริง ในวันนี้เราจึงมานำเสนอ 8 เทคนิคที่ต้องมีในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าของธุรกิจ จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

8 ข้อสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า

1. ความไว้วางใจ

สำหรับลูกค้าแล้ว สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกคือความเชื่อถือไว้วางใจ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ และเลือกซื้อสินค้าและบริการ ดังนั้นการรักษาความไว้วางใจระหว่างลูกค้ากับแบรนด์จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งควรระวังเรื่องการสื่อสารกับปฏิสัมพันธ์ ควรดูบริบทรอบข้างอย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้กลุ่มลูกค้าเข้าใจผิดพลาด

2. ความโปร่งใส

 ปัจจุบัน เวลาลูกค้าสนใจในแบรนด์ใดๆ เขาจะทำการหาข้อมูลและศึกษารายละเอียด โดยคาดหวังว่าเขาจะนำข้อมูลที่ค้นหามาแล้วมาแชร์กับแบรนด์ได้ ยิ่งหากแบรนด์ต้องการเก็บข้อมูลลูกค้าเชิงลึกอย่าง ประวัติการซื้อ สินค้าที่สนใจ ฯลฯ ด้วยแล้ว ก็ควรส่งเสริมการรับฟังประสบการณ์ของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาแก้ไขปรับปรุง

3. ความชัดเจน

 มาพร้อมกับการสื่อสาร ลองคิดดูว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 คนจะเป็นอย่างไร หากไม่มีการสื่อสารหรือพูดคุยชัดเจน ย่อมทำให้ไม่เข้าใจกัน รวมทั้งทำให้เกิดความสับสนได้ ซึ่งแบรนด์ที่ดีนั้นต้องมีความชัดเจน เนื่องจากง่ายต่อการจดจำมากกว่าการไม่มีบุคลิกหรือลักษณะโดดเด่นไปทางใดทางหนึ่ง ไปตลอดจนโปรโมชั่นการตลาดที่ต้องไม่สร้างความกำกวม

4. ความเห็นอกเห็นใจ

ลูกค้าย่อมมีความคิดและความรู้สึกแตกต่างจากแบรนด์ ควรใส่ใจรับฟังอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด รวมถึงประสบการณ์เพื่อเรียนรู้จากพวกเขา เพราะช่วยให้ลูกค้าเปิดใจถ่ายทอดสิ่งที่คิดและรู้สึกจริงๆ ออกมาได้ แบรนด์ที่มีประสบการณ์ในการรับมือกับเรื่องนี้ หรือเชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยา จะโดดเด่นออกมาเหนือคู่แข่ง 

5. การมีแพสชั่น (Passion)

หากอยากรู้จักใครสักคน แน่นอนว่าพื้นฐานก็ต้องดูในเรื่องความชื่นชอบหรือสิ่งที่เขาสนใจ ซึ่งลูกค้าก็มองหาสิ่งนี้ในแบรนด์เช่นกัน พวกเขาต้องการรู้ความเชื่อและการให้คุณค่าของแบรนด์ต่อสิ่งต่างๆ ประกอบการพิจารณาด้วย นอกเหนือจากการซื้อสินค้าและบริการแล้ว ยังชื่นชอบการแชร์ประสบการณ์หรือแพสชั่นของแบรนด์

6. ความน่าเชื่อถือ

เป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image) เพราะภาพลักษณ์ที่ดีส่งเสริมความน่าเชื่อถือและไว้วางใจให้แก่แบรนด์ได้ เมื่อลูกค้าเชื่อถือก็กล้าที่จะซื้อสินค้าและบริการ ดังนั้นการได้รับเครดิตจากลูกค้าที่มีชื่อเสียง ย่อมช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์เพิ่มขึ้น แถมยังทำให้ดูเป็นมืออาชีพในวงการธุรกิจประเภทนั้นด้วย

7. การใช้ AI

เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของลูกค้า เนื่องจากเป็นสิ่งไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาที่แตกต่างกัน อย่างวันนี้อาจรู้สึกแบบนี้ แต่พรุ่งนี้อาจรู้สึกอีกแบบนึง แต่หากเข้าใจความต้องการลูกค้าได้ จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันแน่นแฟ้นขึ้น ผ่านการนำ AI มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมหรือความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ เพื่อนำมาวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ   

8. การสร้าง Personalisation 

การมอบความ Personalisation แก่ลูกค้า เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดี ซึ่งแต่ละรายได้รับในระดับที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่าย แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจที่มีต่อลูกค้า สร้างความรู้สึกเป็นคนพิเศษ เพราะรู้ว่าลูกค้ารายนั้นๆ ต้องการสิ่งใด โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว สร้าง Personalisation marketing ได้ถูกคน 

หากจะกล่าวว่าการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและซับซ้อนคงไม่เกินจริงไปนัก เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่คาดเดายาก เพราะใช้ทั้งอารมณ์และเหตุผลประกอบกัน จึงต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการรับมือ อย่างไรก็ตามเทคนิคทั้งหมดที่กล่าวมาก็อยู่ภายใต้หลักการเอาชนะใจลูกค้าให้ได้นั่นเอง หากใครหรือธุรกิจใดที่ทำการตลาดออนไลน์ แล้วกำลังประสบกับปัญหาการรักษาลูกค้าไว้ไม่ได้ สามารถเลือกใช้บริษัท Digital Agency ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้เข้ามาจัดการให้แทนได้