อาการแบบนี้ ใช่โรคซิฟิลิสไหม ?
ซิฟิลิส เป็นโรคที่ปัจจุบันใครหลายคนมองว่าเป็นแล้วก็รักษาได้และไม่มีอาการรุนแรงอะไร เลยเกิดความชะล่าใจ ประมาทในการป้องกัน เมื่อมีเพศสัมพันธ์ก็ไม่สวมถุงยางอนามัย ซึ่งถ้าจะให้กล่าวจริง ๆ แล้วโรคซิฟิลิสนี้มีความอันตรายกว่าที่คิด วันนี้เรามาหาคำตอบและศึกษาอาการของโรคกันดีกว่าครับ
แบบไหนที่เรียกว่าติดซิฟิลิส ?
โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ทริปโปนีมา พัลลิดุม โดยการสัมผัสถูกแผลที่มีเชื้อ ในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ แบ่งอาการไว้เป็น 3 ระยะดังนี้
- ระยะที่หนึ่ง จะเกิดแผลขนาดเล็กบริเวณที่ได้รับเชื้อ ก้นขอบแผลมีลักษณะเรียบและแข็งที่เรียกว่า แผลริมแข็ง (Chancre) โดยเฉพาะตามอวัยวะเพศและริมฝีปากหลังการได้รับเชื้อประมาณ 3 สัปดาห์ แต่ก็อาจพบอาการได้ในช่วง 10-90 วัน มักไม่มีอาการเจ็บปวดและจะค่อย ๆ หายไปได้เองภายใน 6 สัปดาห์แม้ไม่ได้รับการรักษา
- ระยะที่สอง โรคจะเริ่มพัฒนาจากระยะแรกใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน ผู้ป่วยจะเริ่มเกิดผื่นที่มีลักษณะตุ่มนูนคล้ายหูดขึ้นตามบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า อวัยวะเพศ หรือส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ขาหนีบ ทวารหนัก ภายในช่องปาก แต่ไม่มีอาการคันตามผิวหนัง บางรายอาจมีอาการเจ็บคอ มีปื้นแผ่นสีขาวในปาก เป็นไข้ ต่อมน้ำเหลืองบวม เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด ผมร่วง หรืออาการอื่น ๆ แต่อาการเหล่านี้มักจะหายไปแม้ไม่ได้รับการรักษาเช่นกัน ระยะสงบ หรือ Latent Syphilis เป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีอาการของโรคแสดงออกมาให้เห็น แต่ผู้ป่วยยังคงมีเชื้ออยู่ในร่างกายและตรวจเลือดพบได้ ระยะนี้สามารถเกิดได้นานเป็นปีก่อนจะพัฒนาไปยังระยะสุดท้าย
- ระยะที่สาม หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะทำให้โรคพัฒนามาจนถึงระยะสุดท้ายที่ก่อให้เกิดความผิดปกติและภาวะแทรกซ้อนที่หัวใจ สมอง เส้นประสาท หรืออวัยวะหลายส่วนของร่างกายเมื่อเชื้อไปอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งจะนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น อัมพาต ตาบอด ภาวะสมองเสื่อม หูหนวก ไร้สมรรถภาพทางเพศ โรคหัวใจ เสียสติ และมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
การป้องกันโรคซิฟิลิส
สวมถุงยางอนามัยเท่านั้น! ถึงจะสามารถลดความเสี่ยงของโรคซิฟิลิสได้ เราจึงควรป้องกันก่อนโรคจะถึงตัวด้วยการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า นอกจากนี้การตรวจเลือดและรักษาก่อนแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นก็เป็นการจำกัดขอบเขตของโรคไม่ให้แพร่กระจายไปสู่สังคมและผู้อื่นได้ สำหรับการรักษาโรคซิฟิลิสในปัจจุบันเราสามารถรักษาโรคซิฟิลิสจนหายขาดได้ด้วย การใช้ยาปฏิชีวนะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เพนิซิลลิน” โดยการใช้ยารักษาต้องอยู่ในควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น
จะเห็นได้ว่า ซิฟิลิส ที่ไม่ได้ตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่ได้รับการรักษานั้นส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายอย่างมาก เชื้อจะเข้าไปทำลายอวัยวะภายใน ทำให้ตาบอด หูหนวก ใบหน้าผิดรูป สมองเสื่อม เป็นเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ถ้าเชื้อลามไปถึงหัวใจอาจทำให้หัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น การป้องกันและการหมั่นตรวจเลือดเป็นประจำทุกปี เป็นวิธีที่จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเจ็บป่วยลงได้อย่างมากครับ
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก : https://www.hivthai.com












