การล่าพม่า โดย สิริอัญญา วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564
การล่าพม่า โดย สิริอัญญา วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 การรัฐประหารในพม่าผ่านไปร่วมเดือนแล้ว...
โพสต์โดย Paisal Puechmongkol เมื่อ วันอังคารที่ 9 มีนาคม 2021
การล่าพม่า
โดย สิริอัญญา
วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564
การรัฐประหารในพม่าผ่านไปร่วมเดือนแล้ว ยังไม่มีวี่แววสมดังความต้องการของขบวนการกาเหว่าทั้งในพม่าและในประเทศไทยที่ต้องการเห็นรัฐบาลคณะทหารพม่าจะล้มครืนลงในวันสองวัน
เพราะถ้าหากฟังข้อมูลข่าวสารจากสื่อยักษ์ใหญ่ของฝรั่งและข่าวสารจำนวนมากที่ออกจากประเทศไทยไปยังประเทศต่าง ๆ ในห้วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว ถ้าหากความจริงเป็นดังที่ปรากฏในข่าวนั้น ๆ ก็เห็นทีว่ารัฐบาลทหารพม่าคงจะล้มลงตั้งแต่สัปดาห์แรกแห่งการยึดอำนาจแล้ว
ดังนั้นการที่สถานการณ์ยังคงดำเนินมาจนถึงวันนี้จึงเป็นสัญญาณหมายอย่างหนึ่งว่ากระแสข่าวทั้งหลายที่แพร่หลายให้ได้ยินได้ฟังกันนั้นจริงหรือไม่จริง เพราะถ้าเป็นจริงตามข่าวนั้นสถานการณ์ในพม่าก็คงไม่เป็นเช่นวันนี้ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่แท้จริงในพม่านั้นล่าสุดเป็นอย่างไร จึงเป็นเรื่องที่สมควรจะได้ทำความเข้าใจสถานการณ์สักครั้งหนึ่ง
ก่อนอื่นยังต้องยืนยันว่าปัญหาในพม่านั้นไม่ใช่เป็นปัญหาประชาธิปไตยหรือสิทธิมนุษยชน แต่เป็นปัญหาเอกราชอธิปไตย ซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังมานานและคุกรุ่นขึ้นในระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา และโดยนัยยะนี้ย่อมกล่าวได้ว่าการต่อสู้กันในพม่านั้นมีลักษณะเป็นการต่อสู้สองแนวทาง
แนวทางหนึ่ง คือแนวทางที่ต้องการพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตยของชาติไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้นหรืออาณานิคมอย่างหนึ่ง ตามแบบอย่างของท่านนายพลอองซาน บิดาของท่านอองซานซูจีได้นำพาชาวพม่าลุกฮือขึ้นต่อสู้และปลดแอกพม่าออกจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
อีกแนวทางหนึ่ง คือแนวทางที่จะปรับเปลี่ยนประเทศให้เป็นแบบประชาธิปไตยแบบตะวันตก คือเป็นประชาธิปไตยที่มีต่างชาติบงการอยู่ข้างหลังเหมือนดังที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะตั้งแต่มีปรากฏการณ์ที่เรียกว่าอาหรับสปริง หรือผีเสื้อกระพือปีก หรือกระแสกาเหว่าดังที่คนไทยรู้เช่นเห็นชาติกันเป็นอย่างดีแล้ว
ในระยะเวลาสามปีเศษที่ผ่านมาเป็นช่วงของรัฐบาลผสมที่มีพรรคการเมืองของท่านอองซานซูจีเป็นแกนหลักของรัฐบาล โดยมีพรรคการเมืองหลักที่ฝ่ายทหารสนับสนุนได้ร่วมกันบริหารบ้านเมือง โดยฝ่ายทหารรับผิดชอบด้านความมั่นคงเป็นหลัก นอกนั้นอยู่ในอำนาจของพรรคการเมืองของท่านอองซานซูจี
รัฐบาลผสมดังกล่าวจึงเหมือนกับเรือที่มีคนถือหางเสือสองคน คนหนึ่งก็จะหันหางเสือเรือไปทางขวา อีกคนหนึ่งก็จะหันหางเสือเรือไปทางซ้าย แล้วชกต่อยทุบตีกันตลอดมา ต่างฝ่ายต่างก็จะเตรียมตัวที่จะถีบส่งอีกฝ่ายหนึ่งให้ตกทะเลไปจงได้
ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่ฝ่ายทหารก็ต้องกระชับกำลังแสนยานุภาพของตน และขัดขวางการทั้งหลายที่จะกระทบต่อเอกราชอธิปไตยของชาติอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะคือการเสริมสร้างแสนยานุภาพในการปกปักรักษาเอกราชอธิปไตยได้เติบใหญ่ขึ้นอยู่ในแถวหน้าของอาเซียน
ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องเตรียมตัวเตรียมการ เมื่อไม่มีทหารเป็นกำลังก็ต้องอาศัยมวลชนและนักวิชาการและต่างประเทศที่สนับสนุนเป็นหลัก
ดังนั้นจึงมีการเชื้อเชิญที่ปรึกษาต่างชาติในหลายด้านหลายสาขาเข้ามาช่วยงานของรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีหน่วยงานลับและหน่วยงานข่าวกรองจำนวนมากเข้ามาด้วย โดยเฉพาะเกิดขบวนการจัดตั้งมวลชนในสถาบันการศึกษาทุกระดับ รวมทั้งข้าราชการอีกหลายหน่วย แม้กระทั่งการโยกย้ายเงินของประเทศเอาไปฝากไว้ที่สหรัฐอเมริกา เผื่อว่าสักวันหนึ่งสถานการณ์พลิกผันอีกฝ่ายหนึ่งก็จะไม่สามารถใช้เงินนั้นได้ แล้วประสบปัญหาบริหารบ้านเมืองต่อไปไม่ได้
ด้วยการวางแผนอย่างสลับซับซ้อนของต่างชาติเพื่อหวังให้สักวันหนึ่งจะเกิดเหตุการณ์แบบบราซิล เวเนซุเอลา หรือฮ่องกง หรือในประเทศอาหรับบางประเทศ ได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในรัฐบาลผสมของพม่าอย่างรุนแรง ต่างฝ่ายต่างก็เดินหมากเกมกลกันจนเต็มที่ และในที่สุดเมื่อความขัดแย้งบานปลายขยายตัวจึงเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจขึ้น
ทันทีที่เกิดเหตุเช่นนั้นก็เกิดม็อบต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าเป็นข่าวเอิกเกริกไปทั่ว แต่ถ้าจับสังเกตเนื้อข่าวดี ๆ ก็จะพบว่ามีการเคลื่อนไหวในรัฐต่าง ๆ ประมาณ 5 รัฐ ในขณะที่พม่ามีรัฐต่าง ๆ อยู่ถึง 27 รัฐ แต่ก็โหมประโคมข่าวกันประหนึ่งว่าทั้งประเทศพม่ามีการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลทหาร
การชุมนุมและการเดินขบวนในประเทศเพิ่มความรุนแรงขึ้นโดยลำดับจนมีเหตุการณ์ผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และเหตุการณ์นั้นจะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งเหล่านี้เป็นเหตุการณ์ภายในของประเทศพม่า โดยอาจสรุปได้ว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างสองพรรคใหญ่ของพม่า โดยพรรคหนึ่งอาศัยมวลชนที่จัดตั้งไว้เป็นตัวขับเคลื่อน และอีกพรรคหนึ่งก็อาศัยแสนยานุภาพทางการทหารเป็นตัวรับมือ
ในทางด้านต่างประเทศ ก็ปรากฏมีเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวที่สำคัญยิ่งหลายประการ ซึ่งสมควรจะสรุปต่อเป็นจิ๊กซอว์ให้ได้เห็นภาพรวมชัดเจนขึ้นดังต่อไปนี้
ประการแรก ทันทีที่มีการยึดอำนาจในพม่า สหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ยื่นญัตติต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้ประณามและลงโทษพม่า โดยเฉพาะคือการจัดส่งกำลังทหารเข้าไปรักษาสันติภาพในพม่า
ปรากฏผลว่ารัสเซียและจีนได้วีโต้ญัตตินี้ตกไปแล้ว ดังนั้นในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและในสมัชชาใหญ่สหประชาชาติจึงไม่มีมติใด ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์พม่าในขณะนี้
ที่มีการสร้างกระแสข่าวว่าสหประชาชาติคว่ำบาตรอย่างนั้นอย่างนี้ล้วนเป็นเรื่องโกหกพกลมทั้งเพ เพราะในเมื่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมิได้มีมติประการใด ก็ไม่อาจแอบอ้างว่าสหประชาชาติคว่ำบาตรพม่าได้เลย
ประการที่สอง สหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ประกาศคว่ำบาตรพม่าโดยลำพังของประเทศนั้น ๆ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาได้อายัดเงินของรัฐบาลพม่าที่นำไปฝากไว้ในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ประเทศอาเซียนมิได้มีมติใด ๆ อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ในพม่า โดยยังคงยึดมั่นอยู่ในประเพณีของอาเซียนที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน
แต่กระนั้นแต่ละประเทศสมาชิกของอาเซียนต่างก็มีความเป็นอิสระที่จะแสดงท่าทีของตนเองซึ่งไม่ได้ผูกพันอาเซียน ดังนั้นที่มีการแอบอ้างว่าอาเซียนมีมติคว่ำบาตรพม่าด้วยประการต่าง ๆ นั้นล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
ประการที่สาม กลุ่มประเทศควอดซึ่งประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลียได้ประกาศที่จะซ้อมรบในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งสอดคล้องรองรับกับข่าวที่ว่าพรรคการเมืองของท่านอองซานซูจีได้ประกาศจัดตั้งรัฐบาลขึ้นแข่งกับรัฐบาลทหารพม่า โดยมีข่าวว่าข้าราชการจำนวนหนึ่งได้แปรพักตร์ออกจากรัฐบาลทหารและเดินทางเข้าไปในประเทศอินเดีย ในขณะที่มีข่าวคราวกระเซ็นกระสายว่าอินเดียจะทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการสนับสนุนให้มีการจัดตั้งรัฐบาลที่สองในรัฐยะไข่ซึ่งใกล้กับอินเดีย
ประการที่สี่ ใกล้เคียงกับการซ้อมรบของกลุ่มควอด ก็ปรากฏข่าวการนัดซ้อมรบครั้งใหญ่แบบฉุกเฉินขึ้น โดยมีรัสเซีย จีน และอิหร่านจะจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่นอกน่านน้ำพม่าในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งถือเป็นการซ้อมรบตัดหน้ากลุ่มควอด แต่ที่สำคัญก็คือมีการซ้อมรบขนาดใหญ่ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในขณะที่มีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาว่าการซ้อมรบดังกล่าวนั้นเกิดจากการข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศควอดจะฉวยโอกาสการซ้อมรบยกพลขึ้นบกที่รัฐยะไข่เพื่อสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลของท่านอองซานซูจี จึงทำให้การซ้อมรบของกลุ่มควอซชะงักงัน เพราะท่าทีของรัสเซีย จีน และอิหร่านนั้นมีท่าทีพร้อมปกป้องไม่ให้ชาติใดยกพลขึ้นบกยึดประเทศพม่า
ประการที่ห้า บรรดากองเรือของอังกฤษ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น รวมทั้งออสเตรเลียที่เคยแสดงทีท่าว่าจะเคลื่อนเข้าไปในมหาสมุทรอินเดียนั้นก็ไม่มีวี่แววว่าจะเคลื่อนเข้ามา ในขณะที่สหรัฐอเมริกาได้แสดงท่าที่ว่าจะไม่ส่งกำลังทหารเข้าไปในพม่าเพราะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ทำให้อินเดียซึ่งมีท่าทีกระตือรือร้นมาตั้งแต่ต้นได้ปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลัน หันกลับไปทะเลาะกับประเทศตะวันตก
โดยสั่งยึดทรัพย์องค์กรสายลับต่าง ๆ ของตะวันตก และขับไล่องค์การนิรโทษกรรมสากลออกจากอินเดียด้วย พร้อมทั้งยืนยันการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กับรัสเซียเหมือนเดิม
ดังนั้นสถานการณ์ในพม่าจึงไม่อาจมองข้ามพัฒนาการทางสากลที่เคลื่อนตัวไปและเป็นดังที่ได้สรุปมานี้เป็นอันขาด.