สำนักข่าวบลูมเบิร์กเตือน! ประกันสังคมไทย เสี่ยงล้มละลายใน 13 ปี!
วันที่ 12 ก.พ. 2564 เฟซบุ๊กแฟนเพจaomMONEYได้รายงานเรื่องน่าตกใจระบุว่า ประกันสังคมเสี่ยงล้มละลายใน 13 ปี! "ส่งทุกเดือน...แก่ไปจะได้ใช้เงินไหม?"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กของอเมริกา ชี้ผลสำรวจว่าระบบสาธารณสุขของไทยมีต้นทุนสูงขึ้นเฉลี่ย 12% ต่อปี ซึ่งคาดว่าปี 2578 เราจะมีผู้สูงอายุมากขึ้น ชนิดที่ว่าคนไทยทุกๆ 4 คน จะเป็นผู้สูงอายุ 1 คนเลยทีเดียว ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขพุ่งทะลุเพดานขึ้นไปอีก ทางบลูมเบิร์กจึงย้ำว่า หากรัฐบาลไม่แก้ปัญหาเรื่องนี้ ในอีก 13 ปีข้างหน้า...ระบบประกันสังคมของไทยอาจถึงวันล่มสลาย
ล่าสุดทางสำนักงานประกันสังคมก็ “เริ่มขยับตัว” พิจารณานำเงินประกันสังคม ไปเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้น พูดง่ายๆ คือ “เร่งหารายได้เพิ่ม เพื่อให้ทันรายจ่าย ก่อนที่จะหมดตัว!”
ต้องบอกก่อนครับว่า “กองทุนประกันสังคม” ก็เหมือนกับบริษัทๆ หนึ่งที่คอยดูแลสวัสดิการของคนไทยที่เข้าร่วมระบบ (เรียกว่า ผู้ประกันตน) เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยกรณีว่างงาน เงินบำนาญหลังเกษียณ ฯลฯ โดยกองทุนนี้จะมีรายได้จาก 2 ทางคือ “เงินสมทบ” ทั้งจากนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งก็คือและ “เงินกำไรจากการลงทุน” ที่จะนำเงินสมทบไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้มันงอกเงย และรักษาเงินต้นไว้ให้มากที่สุด จะได้มีเงินหมุนเวียนในกองทุนได้นานๆ
ทีนี้ก็กลับมาที่ผลสำรวจของบลูมเบิร์ก คำถามคือ “กองทุนใหญ่ระดับชาติขนาดนี้ เป็นไปได้จริงหรือที่จะล้มละลาย?”
คำตอบคือ “เป็นไปได้ครับ” ด้วย 4 เหตุผลต่อไปนี้
1.ประเทศไทยมีคนชราเพิ่มขึ้น
ในปี 2578 เราจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 25% หรือราว 16 ล้านคน ทำให้ “เงินบำนาญ/บำเหน็จชราภาพ” กลายเป็นค่าใช้จ่ายระยะยาวก้อนโตที่สุด เพราะจะต้องจ่ายเงินให้ผู้ประกันตน ตั้งแต่อายุ 55 ปี ไปจนกว่าจะเสียชีวิต คาดว่าอีก 6 ปีกองทุนประกันสังคมจะต้องจ่ายเงินให้ผู้ประกันตนที่เกษียณอายุจำนวน 1 ล้านคน รวมเป็นเงินมากกว่า 246,524 ล้านบาท
2.คนไทยเข้าระบบประกันสังคมน้อยลง
ประเทศไทยมีอัตราการเกิดน้อยลง ทำให้มีคนวัยทำงานน้อยลงด้วย แล้วในบรรดาคนวัยทำงานที่มีอยู่ ก็มีจำนวนมากที่ทำอาชีพอิสระ ไม่ได้เข้าระบบประกันสังคมเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วๆ ไป ทำให้กองทุนประกันสังคมมีรายได้จากเงินสมทบน้อยลง
3.หักเงินสมทบน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับบำนาญหลังเกษียณ
เงื่อนไขของประกันสังคมกำหนดไว้ว่า สามารถส่งเงินสมทบได้ก่อนรับบำนาญเพียง 15 ปี และเริ่มต้นเกษียณได้ที่อายุ 55 ปี นั่นแปลว่าเราจะเริ่มส่งเงินสมทบตอนอายุ 40 ปีก็ได้
แต่ประกันสังคมจะต้องจ่ายบำนาญให้จนกว่าเราจะเสียชีวิต สมมติว่าเริ่มรับบำนาญตอนอายุ 55 ปี แล้วเราจากโลกนี้ไปตอน 85 ปี แปลว่าเรารับเงินบำนาญ 30 ปีเลยทีเดียว (ขณะที่ส่งเงินสมทบไว้เพียง 15 ปีเท่านั้น)
นอกจากนี้ ในภาวะปกติเรายัง “จ่ายเงินสมทบ” แค่ 5% (แบ่งเป็นเงินบำนาญเกษียณ 3%) ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับเงินบำนาญที่เราจะได้รับ เริ่มที่ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย พูดง่ายๆ คือกองทุนประกันสังคมจะรับจากเราเพียงเดือนละ 5% แต่ต้องจ่ายถึง 20% เลยทีเดียว
4.ไม่สามารถลงทุนความเสี่ยงสูง เพื่อเพิ่มกำไร
กฎหมายกำหนดให้กองทุนประกันสังคม สามารถลงทุนได้ในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน และหุ้นกู้เอกชน ในสัดส่วน 60% และสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้ หน่วยทุน และหุ้นสามัญ ในสัดส่วน 40% เพื่อให้กองทุนมีความปลอดภัย จึงไม่ได้ผลตอบแทนสูงนัก ทำให้มีเงินงอกเงยไม่เพียงพอ ไม่ทันกับเงินบำนาญผู้สูงอายุที่ต้องจ่ายออกมหาศาลทุกๆ เดือน
คำแนะนำจาก aomMONEY
1.วางแผนการเงินให้ดี เพราะอาจถูกหักเงินสมทบเพิ่ม
ก่อนหน้านี้มีการเสนอปรับเพดานเงินสมทบประกันสังคม จากสูงสุด 750 บาท เป็น 1,000 บาท สำหรับคนที่มีรายได้ 20,000 บาทขึ้นไป แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการ จนกระทั่งมาติดปัญหาโควิดเสียก่อน ...แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไปครับ เพราะมีการคาดการณ์ว่า หากไม่ขยายเพดานนี้ภายในปี 2579 จะทำให้กองทุนประกันสังคมขาดรายได้ กระทบกับเสถียรภาพ ทางที่ดีเราควรวางแผนการเงินล่วงหน้า ลองซ้อมว่าตัวเองถูกหักเงินประกันสังคมเดือนละ 1,000 ดูครับ ถ้าบังคับใช้จริงเมื่อไรจะได้ชิน
2.อย่าฝากชีวิต 100% ไว้กับประกันสังคม
แม้ว่าตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม มาตรา 24 จะระบุว่าหากเงินในกองทุนไม่พอจ่าย รัฐบาลสามารถช่วยเหลือได้ตามความเหมาะสมก็จริงครับ แต่ด้วยสถานภาพตอนนี้ที่ไม่ได้เป็นหน่วยงานรัฐแล้ว ในทางปฏิบัติจึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
ดังนั้นจึงไม่สามารถคาดหวังได้เลยว่า “เราจะได้รับเงินบำนาญ หรือได้ใช้เงินก้อนนี้ตอนแก่”
เพราะถ้าดูจากรายจ่ายมหาศาลอย่างที่ aomMONEY กล่าวไป หากในอนาคตทางกองทุนประกันสังคมไม่สามารถหารายได้เพิ่มเติม ก็มีโอกาสสูงครับที่จะล้มละลาย ดังนั้นเราควรเตรียมแผนเกษียณด้วยวิธีอื่นๆ เผื่อไว้ก่อน เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน RMF หรือเลือกทำประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมถึงลงทุนและเก็บออมให้มากขึ้น
สรุป
ถึงตอนนี้สถานการณ์ของกองทุนประกันสังคมจะยังไม่เข้าขั้นวิกฤต แต่อย่าลืมว่าอนาคตไม่มีอะไรแน่นอน aomMONEY จึงอยากให้เพื่อนๆ หาทางหนีทีไล่ และเตรียมแผนสำรองสำหรับเรื่องการเงินอยู่เสมอ อย่างน้อยถ้าวันข้างหน้าไม่มีใครช่วยเหลือ เราก็ยังพึ่งตัวเองได้นะครับ
อ้างอิง
📌 ประกันสังคมเสี่ยงล้มละลายใน 13 ปี! "ส่งทุกเดือน...แก่ไปจะได้ใช้เงินไหม?" . สำนักข่าวบลูมเบิร์กของอเมริกา...
โพสต์โดย aomMONEY เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ 2021