ลุงจะไม่ย้ายไปไหน!! ชาวไร่ญี่ปุ่นอาศัยอยู่กลางสนามบินที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น
ทาคาโอะ ชิโตะ (Takao Shito) ชาวไร่ญี่ปุ่นรุ่นลูก ที่อยู่มาก่อนกาล ก่อนสนามบินนาริตะจะถูกสร้างขึ้น
การก่อสร้างสนามบินนาริตะนั้นเริ่มในช่วงปลายๆของปี 60 ซึ่งในเวลานั้นชาวเกษตรกรก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ก่อตัวเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาล เกิดเป็น “ความขัดแย้งที่ซันริซูกะ” (Sanrizuka Struggle) แต่สุดท้าย รัฐบาลก็สร้างสนามบินได้สำเร็จ โดยใช้แรงจูงใจเล็กน้อย... เป็นค่าสินไหม หากยอมย้ายก็เอาไปเลย ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะรับเงิน แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางกลุ่มที่ปฏิเสธที่จะย้ายออก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพ่อของคุณชิโตะนั่นเอง
ก่อนที่สนามบินจะมาสร้าง ในหมู่บ้านของเขามีบ้าน 28 หลัง หมู่บ้านอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงกันอีกประมาณ 66 หลัง แต่พวกเขาก็ค่อยๆย้ายออกกันไปทีละคนๆ ปัจจุบันเหลืออยู่แค่ 5 หลังเท่านั้น ส่วนในหมู่บ้านของเขานั้นเหลือเพียงแค่เขาคนเดียว
.
สมัยนั้นการทำไร่ทำนาค่อนข้างจะไม่มีฐานะครับ ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาเหล่านั้นถึงยอมเลือกที่จะรับเงินแล้วย้ายออกไป
ครอบครัวของคุณชิโตะอาศัยอยู่ที่ตรงนี้มาแล้วกว่า 100 ปี คุณพ่อของเขาเสียชีวิตลงเมื่อตอนมีอายุได้ 48 ปี คุณชิโตะรู้ทันทีว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องกลับมาดูแลบ้านและฟาร์ม
.
ในตอนนั้นคุณชิโตะกำลังทำงานธุรกิจร้านอาหาร เมื่อรู้ข่าวว่าพ่อเสีย เขาลาออกจากงานตรงนั้นแล้วกลับบ้านทันที และเขาไม่เคยคิดที่จะย้ายออกจากที่แห่งนี้... บ้าน
พวกเขาเคยเสนอเงินจำนวน 180 ล้านเยน (ปัจจุบันประมาณ 51 ล้าน 4 แสนบาท) ให้กับชิโตะ มันเป็นจำนวนที่สูงมาก ชาวไร่ชาวนาบางคนต้องทำงานกันกว่า 150 ปีเลยล่ะ ถึงจะได้เงินขนาดนั้นมา แต่คุณชิโตะให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า
“ผมไม่สนใจเงิน ผมอยากที่จะฟาร์มไปเรื่อยๆ ดินผมมีคุณภาพ มันผ่านการเก็บเกี่ยวมากว่า 100 ปี ผมสนุกกับการปลูกนั่นนี่ การเก็บเกี่ยวพืชผล การส่งผักที่มีคุณภาพให้ลูกค้าพึงพอใจ ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมรู้สึกมีความสุขไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”
.
ปัจจุบันนี้ คุณชิโตะยังคงอาศัยอยู่ในบ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสนามบินนาริตะ เขาบอกว่า “ช่วงยุคโควิด ผมไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่นัก ในทางกลับกัน การที่สนามบินไม่ได้มีไฟลท์บินเยอะอย่างปกติ มันทำให้อากาศดีขึ้น สดชื่นขึ้น และที่บ้านของเขาก็เงียบสงบขึ้นด้วย”
.