"อนุทิน" ชี้ ปกปิดไทม์ไลน์ ถูกประณามในสังคมน่าละอาย แถมมีความผิดฐานให้การเท็จเจ้าพนักงาน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกถึงกระแสที่ผู้มีความเสี่ยงติดโควิด-19 ไม่กักตัวและยังออกไปภายนอกว่า อันนี้ไม่ใช่ ตามกฎหมายบุคคลที่ติดเชื้อ ถ้าเป็นคนไทยต้องอยู่โรงพยาบาล การกักตัวคือให้สังเกตตัวเอง เป็นการขอความร่วมมือ อย่างตนก็เคยกักตัวเองในกรณีเดินทางไป จ.สมุทรสาคร ซึ่งส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย แต่อยู่ที่ตัวเราเอง
ส่วนการกักตัวถึงขั้นที่กรมควบคุมโรคขอให้กักตัว ในส่วนนี้ต้องนำตัวไปโรงพยาบาล ดังนั้นทุกคนต้องมีสำนึก เพราะถ้าทำแบบนี้อีก อีกหน่อยรัฐก็ต้องใช้กฎหมายหนักขึ้น ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวเอง ถ้ามีอาการต้องไปรายงานตัว โดยยังไม่ผิดถึงขั้นมีกฎหมายมาบังคับ
ส่วนกรณีคนที่ผู้ติดโควิด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ได้ปกปิดไทม์ไลน์กับเจ้าหน้าที่ ถ้าปกปิดถือเป็นการให้การเท็จ โดยจะผิดกฎหมายในลักษณะให้การเท็จกับเจ้าพนักงาน ต้องดำเนินคดี ไม่มีใครใหญ่กว่าหมอ ถ้าไม่บอกก็ต้องใช้กฎหมาย ฐานให้การเท็จกับเจ้าพนักงาน
ส่วนไทม์ไลน์ของนักร้องอีกคนที่ปกปิดข้อมูลเช่นกัน เรื่องนี้มีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ก่อนติดเชื้อ ถ้าปกปิดข้อมูลถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งดูจากไทม์ไลน์แล้วจะเห็นว่าไปงานเดียวกัน อาจไปทำอะไรที่ไม่อยากบอก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องไปสอบสวนกัน
ส่วนกรณีที่ผู้ติดเชื้อบางคนอาจจะไปในสถานที่ไม่อยากบอก เช่น ไปกับเมียน้อย ในเรื่องนี้ขอให้มั่นใจเจ้าหน้าที่ เพียงบอกแค่ว่าไปทำอะไร ที่ไหน แต่ไม่ต้องบอกความสัมพันธ์ก็ได้ ยืนยันหมอมีจรรยาบรรณอยู่แล้ว
จากนั้นนายอนุทินบอกถึงกรณีมีผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สอบสวนโรค ในการให้ไทม์ไลน์ ซึ่งเชื่อมโยงกับกรณีดีเจมะตูม ว่าได้สั่งการให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงในเรื่องสถานประกอบการ ว่ามีการเปิดให้บริการเกินเวลา 21.00 น. หรือไม่ มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ ตรวจสอบด้วยว่าผู้ที่ติดเชื้อ ได้ปกปิดไทม์ไลน์จริงหรือไม่ และหากมีความผิดจริงให้ดำเนินคดีตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้องทันที