'ผู้พิการสายตา' ขอใช้ 'เราชนะ'ด้วยคน!
26 มกราคม 2564 นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โพสต์ว่า ....วันนี้ ได้คุยกับตัวแทนจากสมาคมคนตาบอด เพื่อให้คนสายตาพิการเข้าถึงโครงการ "เราชนะ" รวมทั้ง แอปฯเป๋าตัง และ Next ได้ง่ายขึ้น และได้เชิญชวนให้มาเปิดร้านให้บริการในโครงการ "เราชนะ" และมาขายสินค้าจากคนตาบอดใน "D Market" ในอนาคต
นายสมคิด เป็นหนึ่งในทีมดูแลระบบการลงทะเบียนให้กับโครงการของรัฐบาลหลายโครงการ เช่น เราไม่ทิ้งกัน, วอลเล็ต สบม.
ก่อนหน้านี้ นายสมคิด อธิบายเหตุผลการเยียวยาแต่ละโครงการของรัฐบาล ทั้งเตือนการใช้จ่ายเงินว่า ...การทำงานให้คนจำนวนมากไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน ความเข้าใจที่แตกต่างกัน และได้รับข้อมูลที่แตกต่างกัน
ในโครงการเราไม่ทิ้งกัน ด้วยงบประมาณที่ไม่ชัดเจนตั้งแต่ต้น จะมีบางกลุ่มที่ไม่ได้รับเงินด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน และด้วยข้อมูลอ้างอิงจากหน่วยงานรัฐที่อาจไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลนานัปการ จึงมีประเด็นพอสมควรในช่วงแรกๆ
ใน #โครงการเราชนะ การตั้งงบประมาณเพื่อไปถึงกลุ่มคนต่างๆ จึงตั้งไว้สูงกว่า 200000 ล้านบาท ครอบคลุมคนกว่า 31 ล้านคนตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังมีประเด็นว่าด้วยผู้ประกันตนมาตรา 33 ว่าเหตุใดจึงไม่ได้ และทำไมต้องให้ใช้จ่ายผ่านแอป ทำไมไม่ให้เป็นเงินเข้าบัญชี
ด้วยโครงการเราชนะได้ออกแบบให้มีการใช้จ่ายผ่านแอป เพราะอยากจะให้เงินส่วนนี้ไปถึงพ่อค้า แม่ค้า ผู้ให้บริการรายย่อย และต้องการให้เงินหมุนเวียนหลายๆรอบ ซึ่งอาจจะถึง 2-3% ของ GDP ได้ และรอบนี้ เปิดให้ถึงผู้ให้บริการรายย่อยอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายผ่านแอ๊ปมีความหลากหลายด้วย ประเทศเราก็ไม่ได้ร่ำรวย มีทางไหนที่จะช่วยให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ก็ควรจะทำไม่ใช่หรือ
มีเสียงว่าบางคนไม่มี สมาร์ทโฟน จะทำอย่างไร เรื่องนี้ก็ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ว่า #กลุ่มคนที่มีบัตรสวัสดิการคนจน จำนวน 14 ล้านคน ที่ได้รับเงินเข้าบัตรโดยอัตโนมัติทุกคนอยู่แล้ว ครอบคลุม กลุ่มนี้หรือไม่ คิดว่าครอบคลุมเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะมีเหลืออยู่บ้าง คงต้องใช้เวลาหาทางพิจารณากันต่อไป
แล้วทำไมไม่ให้เป็นเงินเข้าบัญชีละ อันนี้คือการชั่งน้ำหนักว่าจะเอาเศรษฐกิจภาพใหญ่ที่กระทบทั้งประเทศ หรือจะให้ความสะดวกกับบางคนมากขึ้น ด้วยบอกว่าค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอมลูก จิปาถะ ที่ใช้ #สมาร์ทโฟนจ่ายไม่ได้ ตอนนี้ก็มีการเพิ่มเรื่องบริการหลากหลายให้เปิดบริการได้ในโครงการเราชนะ อาจมีบ้างบางส่วนที่ไม่สะดวกเปิด ซึ่งก็อาจจ่ายด้วยเงินส่วนอื่นของประชาชนเองได้ แต่ก็จะพยายามให้น้อยที่สุด หรืออาจต้องหาทางออกอื่นๆเพิ่มเติม
แล้วพวกใช้ไม่เป็นละ คนแก่ๆ จะทำไง จากที่ได้ดูข้อมูลใน #โครงการคนละครึ่ง จะเห็นได้ว่า กลุ่มคนอายุ 61-80 ปี มีจำนวนมากพอควรและใช้จ่ายสูงในระดับใกล้ 100 ล้านบาทต่อวัน และก #ลุ่มคนสายตาพิการ ก็ยังใช้จ่ายได้ในโครงการคนละครึ่ง จึงอยากเชิญชวนให้ลองใช้ดู เพราะไม่ได้ยากเกินไป และในอนาคตหากรัฐมีโครงการอื่นๆอีก กลุ่มคนพวกนี้อาจไม่ต้องลงทะเบียนแย่งกันอีกแล้วก็ได้ เพราะมีความพร้อมระดับหนึ่ง และรัฐได้เคยรับรู้การเข้าโครงการมาแล้ว
ส่วน #ผู้ประกันตนมาตรา 33 กับผู้มีฐานะอยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ในโครงการนี้ เพราะอยาก #ให้เงินไปช่วยบรรเทาผู้ที่เดือดร้อนกว่าก่อน!!












