2021 Travel Trends เทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
3 เทรนด์การท่องเที่ยวสำคัญของปี 2021
ธุรกิจโรงแรม ที่พัก ที่อยู่อาศัยต้องรู้ไว้เตรียมปรับตัวให้ทัน
ธุรกิจโรมแรม และที่พักอาศัยในทุกประเทศต่างก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งกินเวลานานจนจะขึ้นปีใหม่ 2021 อยู่แล้ว นอกจากจะส่งผลกระทบระยะสั้นต่ออัตราการเข้าพักของโรงแรม และอัตราการซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากนักท่องเที่ยวเดินทางน้อยลง และมีชาวต่างชาติอยู่อาศัยในต่างแดนน้อยลงอีกด้วย ยังส่งผลระยะยาวต่อพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมต้องปรับกลยุทธ์กันอย่างหนัก ทั้งการหาลูกค้าใหม่ เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการไปปล่อยเช่าระยะยาว รายเดือน จับกลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกับอะพาร์ตเมนต์ หอพัก และคอนโดให้เช่า ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงธุรกิจที่อยู่อาศัยอีกด้วย
ดังนั้น เทรนด์การท่องเที่ยวและการหาที่พักในปี 2021 นี้จะมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากวิถีชีวิต และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และส่งผลเป็นวงกว้างต่อธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้เร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และอาจไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
Airbnb แพลตฟอร์มหาที่พักชื่อดัง ได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่ 1,010 คน ในสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 15 – 19 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อหาเทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เปลี่ยนไปหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 แล้วพบว่ามี 3 เทรนด์ที่จะมาแรงในปี 2021 ได้แก่
- Live anywhere อยู่ที่ไหนก็เรียน และทำงานได้
รูปแบบการ Work from Home และ Learn from Home ทำให้คนเลือกที่พักที่ไหนก็ได้ อาจส่งผลให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยน แทนที่จะต้องอยู่อาศัยใกล้แหล่งงาน-โรงเรียน ก็สามารถไปพักที่ย่านอื่น เมืองอื่นได้ เสมือนไปท่องเที่ยวด้วย โดยไม่ต้องเลือกเดินทางเฉพาะในช่วงพักร้อน หรือ ช่วงวันหยุดยาว
จากผลการสำรวจของ Airbnb พบว่า
- 83% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยกับการย้ายที่อยู่อาศัยเนื่องจากสามารถทำงานทางไกลจากที่ไหนก็ได้
- 1 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถามได้ย้ายที่อยู่อาศัยชั่วคราว และบางส่วนก็ย้ายอย่างถาวร ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- จากกลุ่มคนที่ย้ายที่อยู่อาศัยชั่วคราวในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด ร้อยละ 24 ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด-ต่างเมือง และอีก ร้อยละ 21 ย้ายไปอยู่ชานเมือง เพื่อหลีกหนีความแออัดในเมือง เป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้อีกด้วย
- ร้อยละ 60 ของผู้ปกครองเริ่มคำนึงถึงทำงานทางไกล ระหว่างที่พาลูกเที่ยว หากโรงเรียนยังไม่เปิดให้บริการในสถานที่จริง
- คนรุ่นใหม่ Gen Z (อายุ 13 – 23 ปี) และกลุ่ม Millennials ที่อายุน้อย เป็นกลุ่มคนที่เชื่อมากที่สุดว่าจะสามารถย้ายที่อยู่อาศัย และยังสามารถทำงาน หรือ เรียนทางไกลได้
เทรนด์ Live anywhere นี้อาจส่งผลให้ความต้องการที่พักอาศัยเปลี่ยนไป คนจำนวนหนึ่งอาจไม่ทำสัญญาเช่าระยะยาวเป็นปี แต่อาจมีความสนใจไปพักในโรงแรม หรือสถานที่พักผ่อนห่างไกลเป็นการชั่วคราวได้ โรงแรมก็อาจได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มาพักรายเดือน ส่วนหอพัก อะพาร์ตเมนต์ หรือคอนโดให้เช่าใกล้แหล่งงาน หรือ ใกล้โรงเรียนอาจมีความต้องการลดลง
- Staycation พักร้อนใกล้บ้าน
การขึ้นเครื่องบิน เดินทางไปต่างประเทศในช่วงเวลานี้ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ต้องผ่านกระบวนการมากมาย ทั้งการกักตัว การตรวจสอบหลายอย่าง และผู้คนยังต้องระมัดระวังตัวในระหว่างการท่องเที่ยวอีกมาก ทำให้คนใจท่องเที่ยวใกล้ๆ ในประเทศ หรือในเมืองที่เราอยู่มากกว่า โดยผลการสำรวจของ Airbnb พบว่า ร้อยละ 65 ของผู้คนต้องการเดินทางท่องเที่ยวใกล้บ้านในระยะที่ขับรถได้ ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคนี้ไปสนับสนุนเทรนด์การท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง นั่นก็คือ Staycation
Staycation คือการผสานคำระหว่างคำว่า Stay ให้ความหมายว่า “อยู่อาศัย” กับคำว่า vacation ที่แปลว่า “ลาพักผ่อน” รวมกันเป็น Staycation ที่ให้ความหมายว่า พักผ่อนอยู่บ้าน หรือ ไปพักในที่พักใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไกล ๆ ซึ่งในปี 2021 ที่จะถึงนี้ เทรนด์การท่องเที่ยวที่ผู้คนสนใจก็คือการท่องเที่ยวในประเทศ เดินทางในระยะใกล้ ขับรถไปได้ ไม่ใช่การเดินทางไปต่างประเทศเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มา
โรงแรม และธุรกิจท่องเที่ยวต้องปรับตัวมารับนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก จากแต่เดิมที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากมาย แต่ในปีที่่ผ่านมามีมาตรการป้องกันโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไม่ได้ และต่อให้เดินทางเข้ามาได้ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เขายังตัดสินใจไม่เดินทางไกล รวมทั้งคนไทยเองที่จะหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น
- Travel Pods
วิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัว และคิดถึงสายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และคนรักมากขึ้น ทำให้เราอยากใช้เวลาส่วนตัวร่วมกับคนที่มีความสำคัญในชีวิตของเรา จากแบบสำรวจของ Airbnb พบว่า ร้อยละ 85 ของผู้คนต้องการย้ายถิ่นฐานชั่วคราว หรือ ย้ายถิ่นฐานถาวรไปอยู่ใกล้กับครอบครัวมากขึ้นซึ่งความต้องการนี้ก็ส่งผลให้เกิดเทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ที่เน้นการใช้เวลาร่วมกับคนสำคัญ เลี่ยงการพบปะกับคนหมู่มาก
Travel pods หรือ pod travel คือรูปแบบการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะรวมกลุ่มกันอยู่ แยกจากสังคม เช่น ไปพักผ่อนกับครอบครัวในบ้านพักริมทะเล แทนที่จะไปอยู่ในโรงแรมที่มีคนพลุกพล่าน เป็นต้น เป็นรูปแบบการเลือกที่พักที่ไม่ต้องพบปะคนเยอะ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ อีกทั้งยังได้ใช้เวลาใกล้ชิดกับคนที่เรารัก หรือคนที่มีความสนใจเหมือนกันแค่กลุ่มเล็ก ๆ โดยมี travel pods 2 รูปแบบที่เป็นที่นิยม ได้แก่
- อยู่รวมกลุ่มกับคนรู้จัก
คือ การรวมกลุ่มกับครอบครัว เพื่อน และคนรักเพื่อไปพักผ่อนในสถานที่หนึ่งร่วมกัน ได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม โดยหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คนภายนอก เช่น ไปพักในบังกะโล หรือ บ้านพักต่างอากาศร่วมกัน
สรุป 3 เทรนด์การท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่จะส่งผลกับธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า เพราะพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และยากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ทำให้เราต้องรู้ทันทุกเทรนด์และปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์เพื่อให้เดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง ใครทำธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจโรงแรมคงต้องปรับตัว และเล่นเกมรุกเพื่อสร้างรายได้จากหลายช่องทาง ส่วนเจ้าของที่อยู่อาศัย นายหน้า และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คงต้องปรับเกมส์ ปรับพอร์ตใหม่ เพราะความสำคัญของอสังหาริมทรัพย์ใกล้แหล่งงานลดลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนต้องการที่อยู่อาศัยที่มีความเป็นส่วนตัว สะอาด ปลอดภัย ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเช่าระยะยาวน้อยลงอีกด้วยเว็บไซต์อ้างอิง : https://www.businessinsider.com
ที่มา https://www.feasyonline.com/content/detail/1333