แนวทางเลี้ยงลูก 3 ประการช่วยสานสัมพันธ์ลูกวัยรุ่นให้แน่นแฟ้น หากแม้ตัวอยู่ห่างไกล แต่วิถีใหม่ทำให้ใกล้กัน
เมื่อสังคมของลูกที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นเปลี่ยนไปในยุค New normal มาดู 3 วิธีเลี้ยงลูกให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นให้ใจใกล้กันได้ถึงแม้ตัวอยู่ไกล
วิธีเลี้ยงลูกที่ช่วยสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น โดยยิ่งไปกว่านั้นลูกวัยรุ่น ที่ถึงแม้ตัวอยู่ไกลห่าง แต่ว่าวิถีใหม่ทำให้สนิทสนม
- ใช้ “เทคโนโลยี” เชื่อมความห่วงใยถึงกันและก็กัน ผ่านการแชทเวลาที่สบายอีกทั้งกับพวกเราและลูก
- ให้เขาได้แสดงความคิดแล้วก็ตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยพวกเราปฏิบัติภารกิจดูแลอยู่ห่างๆ
- เปลี่ยนแปลงวันหยุดให้เป็นโอกาสพิเศษที่เชิญเขามาทำกิจกรรมต่างๆด้วยกัน
จำเป็นต้องเห็นด้วยว่าช่วง #StayHome ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาก็มีมุมดีๆเกิดขึ้นด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะการที่บิดามารดามีเวลาอยู่กับลูกเยอะขึ้น แต่เมื่อเหตุการณ์กลับสู่ชีวิตธรรมดาบนวิถีใหม่ บิดามารดาอย่างเราจะรักษาความสนิทสนมกับลูกวัยรุ่นยังไงให้เหนียวแน่นอย่างเดิม วันนี้พวกเรามีข้อแนะนำง่ายๆมาฝากพ่อแม่ที่มีลูกวัยรุ่นมือใหม่กัน
3 แนวทางเลี้ยงลูก ช่วยสานสัมพันธ์ให้เหนียวแน่นกับลูกวัยรุ่น แม้ตัวอยู่ไกลห่าง แต่ว่าวิถีใหม่ทำให้สนิทสนม
1. ใช้เทคโนโลยีเชื่อมความห่วงใย
เพราะเหตุว่าการสื่อสารคือเครื่องไม้เครื่องมือชิ้นสำคัญที่ทำให้เราและลูกสนิทกันเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อลูกจะต้องกลับไปสู่ชีวิตการเรียน ในเวลาที่บิดามารดาก็กลับไปสู่ชีวิตการทำงานปกติ แต่ว่าเรายังสามารถสื่อสารกับลูกได้เหมือนเดิม โดยใช้ “เทคโนโลยี” เชื่อมความห่วงใยถึงกันแล้วก็กัน อาจจะเริ่มต้นง่ายๆด้วยแอปพลิเคชั่นการสื่อสารอย่าง LINE ที่สามารถตั้งกลุ่มครอบครัว ชักชวนลูกคุยเมื่อจำเป็นต้องอยู่ห่างกัน
สิ่งสำคัญของการคุยผ่านเทคโนโลยีคือควรจะเป็นการติดต่อสื่อสารที่มีการตอบโต้กันและกัน แต่ว่าดังนี้ในทีแรกๆหากเป็นครอบครัวที่ไม่ค่อยเคยสนทนากัน อาจรู้สึกเก้อเขินนิดหน่อย จะต้องหาจังหวะการคุยกันเป็นช่วงๆและค่อยเพิ่มการสนทนาให้มากเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ ยิ่งไปกว่านี้ในบางวันที่ครอบครัวมิได้อยู่ร่วมกัน บางทีอาจนัดหมายกับลูกๆรวมทั้งสมาชิกในครอบครัวมา Video Call ร่วมกัน ซึ่งข้อดีของการถ่ายทำ Video Call จะก่อให้เราได้สังเกตสีหน้าท่าทางแล้วก็ท่าทางของลูกว่าเขามีความเคร่งเครียดหรือปัญหาอะไรไหม
ส่วนสังคมออนไลน์อื่นๆอย่าง Facebook, Twitter, Instagram หรือ TikTok สามารถลองเพิ่มลูกเป็นเพื่อนได้โดยขอความเห็นลูกก่อน แต่ว่าในกรณีที่ลูกปฏิเสธพวกเราเป็นเพื่อน พ่อแม่อย่างเราก็จำเป็นต้องยอมรับรวมทั้งรู้เรื่อง อย่าไปฝืนบังคับให้เขารับเราเป็นเพื่อนกันนะ
2. ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอิสระ แต่ว่าไม่ลืมบอกต่อความรัก
ถึงพวกเราจะสนิทกับลูกเพิ่มมากขึ้น แต่อย่าเผลอตัวเข้าไปวุ่นวายหรือเจ้ากี้เจ้าการกับเขากระทั่งเกินความพอดี เพราะจำต้องเข้าใจว่าลูกวัยรุ่นเป็นวัยที่อยากได้อิสระ ทั้งอิสระทางความคิดแล้วก็การใช้ชีวิต วัยรุ่นเป็นวัยที่อยากได้สร้างเนื้อสร้างตัวตนและก็บุคลิกของตนเพื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่อดทน ในจุดนี้บิดามารดาจะต้องยึดหลัก “ใกล้ชิด แต่ว่าไม่วุ่นวาย” โน่นเป็นไม่เข้าไปเจ้ากี้เจ้าการหรือตกลงใจแทนลูก แต่ว่าควรปลดปล่อยให้เขาตกลงใจด้วยตัวเอง ส่วนพวกเราทำเป็นเพียงสอดส่องอยู่ห่างๆหากเขาเข้ามาขอคำปรึกษา เราจึงค่อยให้คำปรึกษาที่เหมาะสมกลับไป
3. คว้าโอกาสพิเศษช่วงหยุดยาว มาทำกิจกรรมกระชับความเข้าใจ
ในช่วงปีนี้มีการประกาศวันหยุดยาวติดต่อการจำนวนหลายวันในหลายช่วง เมื่อถึงวันหยุดยาวหลายวันลองเชิญชวนลูกมาทำกิจกรรมร่วมกัน หรือ ทดลองชวนกันไปเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวบ้านนอกก็เป็นไอเดียที่ดี โดยบิดามารดาสามารถใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกับลูกวัยรุ่นได้มากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนบทบาทให้ลูกเป็นผู้นำ เช่น ให้ลูกเป็นคนคิดทริปท่องเที่ยว หาสถานที่พัก รวมทั้งจุดแวะพัก อื่นๆอีกมากมาย การทดลองเปลี่ยนแปลงบทบาทให้ลูกเป็นผู้นำนั้น จะมีผลให้เขาเข้าใจว่าหน้าที่การเป็นหัวหน้าของพ่อแม่นั้นเป็นอย่างไร ในตอนที่พวกเราเองก็จะได้เข้าใจสถานะการเป็นคนตามของลูกด้วย ลดความคาดหวังที่ตารางการท่องเที่ยวจะเป็นไปตามนั้นอย่างเป๊ะๆ
โดยความถี่ที่สมควรที่พวกเรากับลูกควรจะทำกิจกรรมร่วมกันเป็นอย่างต่ำอาทิตย์ละครั้ง ฉะนั้นหากแม้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ลูกกลับไปอยู่ที่บ้าน ก็สามารถเชื้อเชิญลูกมาสร้างช่วงเวลาที่ดีด้วยกันได้ คุณภาพของเวลานั้นสำคัญกว่าปริมาณ โดยกุญแจสำคัญของการเลี้ยงลูกวัยรุ่นเป็น “การสื่อสาร” แล้วจะมีช่วงไหนจะสุขไปกว่าช่วงเวลาที่มีด้วยกันในมื้ออาหาร ที่ได้เอ็นจอยกับเมนูอร่อย พร้อมกันกับการได้สานสัมพันธ์ของทุกคนผ่านการเสวนารวมทั้งบรรยากาศสบายๆบนโต๊ะอาหาร ลองใช้ช่วงเวลาที่ดีระหว่างมื้อมาเชื่อมสุข เติมรสชาติที่รักให้ลูกและก็ทุกคนในครอบครัวกัน