สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสิงคโปร์เป็นสถานทูตประเทศเดียวที่มีกรรมสิทธิที่ดินทำเลทองผืนใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ คนไทยภูมิใจในพระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์
รู้ยัง..สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสิงคโปร์เป็นสถานทูตประเทศเดียวที่มีกรรมสิทธิที่ดินทำเลทองผืนใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ คนไทยภูมิใจในพระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์
รายงานจากเฟซบุ๊ก สติค่ะลูกกกก”เมื่อ18 ธันวาคมได้โพสต์ไว้อย่างน่าสนใจว่า
“จากประสบการณ์ส่วนตัวของลูกเพจที่น่ารักท่านหนึ่ง
กับสถานที่อันเป็นประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัย ร.5 นี้
มีวันนึงเราได้ไปทำธุระที่สถานทูตไทยในสิงคโปร์ ระหว่างรอคิวทำเรื่อง ก็คุยกับเจ้าหน้าที่คนนึง เป็นคนสิงคโปร์อายุน่าจะราวๆ เกิน 60 ปี แล้ว เขาบอกว่าเขาทำงานที่นี่มานาน
เขาถามเราว่า.. เธอรู้มั้ยว่าที่ดินของสถานทูตไทยตรงนี้เป็นของใคร??..
เรา : (ในหัวก็งง ที่ของใครวะ รัฐบาลไทยน่าจะเช่าที่ตรงนี้ไว้ทำสถานทูตมั้ง) อ่อออ ไม่ทราบค่ะ
ลุง จนท. : ที่ดินตรงนี้ใหญ่มากใช่มั้ย และอยู่ใจกลางเมืองของสิงโปร์เลย แพงมากนะ คนที่ซื้อที่ดินตรงนี้คือ King no.5 ของเธอ
แล้วลุงเจ้าหน้าที่ก็เล่าต่อไปว่า... สมัยก่อนนั้นตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเขา ที่ดินตรงนี้มันเป็นป่า ไม่เคยมีใครจะรู้หรอกกว่าในอนาคตจะกลายมาเป็นที่ดินในย่านธุรกิจที่แพงที่สุดในสิงคโปร์
ที่ดินตรงนี้ ร.5 ท่านซื้อ ไม่ได้เช่า ตั้งแต่ตอนเป็นป่ารกร้าง และต่อมาได้ใช้ที่ดินตรงนี้ทำเป็นสถานทูตไทยในสิงคโปร์
พอเราได้ฟัง เรารู้สึกดีนะ เพราะทุกคนก็รู้ว่าที่ดินในสิงคโปร์แพงมาก ถ้าเทียบกับสถานทูตไทย กับสถานทูตประเทศอื่นๆในสิงคโปร์ ถือว่าสถานทูตไทยมีเนื้อที่ใหญ่มากกกกก กว้างขวาง อยู่กลาง Orchard หรือที่รู้กันดีว่าเป็นย่านธุรกิจที่แพงที่สุดในสิงคโปร์
หากราชวงศ์ไทยขายที่ดินผืนนี้ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ คงจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทแน่ๆ (อันนี้เราลองคำนวนเองคร่าวๆ)
ถ้าจะขายแล้วไปเช่าออฟฟิศในตึกทำเป็นสถานทูตแบบที่บางสถานทูตในสิงคโปร์เขาทำกันก็ย่อมได้ แต่ในหลวงทุกพระองค์ทรงเก็บรักษาที่ดินตรงนี้ไว้ เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินผืนนี้มาจนถึงปัจจุบัน”
ภาพ: -สถานทูตไทยในสิงคโปร์
-ภาพอนุสาวรีย์ช้างสำริดที่ในหลวงรัชการที่5พระราชทานให้เมื่อคราวเสด็จประเทศสิงคโปร์ครั้งแรก
-ภาพข่าวเมื่อ 40 ปีก่อนว่าจะขายที่ดินสถานทูตผืนนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขาย มูลค่าตอนนั้น 12000 ล้านบาทเลย