ผู้ที่ถือบัตร สองสัญชาติ ในท่าขี้เหล็ก 'อยากกลับไทย'
มีการรายงานว่า กลุ่มคนที่เหลืออยู่ในประเภทลักลอบหลบหนีเข้าไปใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ทำให้ทางเจ้าหน้าที่เมียนมาได้ให้ไปขึ้นศาลท่าขี้เหล็ก เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับรายละประมาณ 2,300 บาท ทำให้พวกเหล่านั้นยังไม่ได้เดินทางกลับมาในวันเดียวกัน แต่จะกลับมาภายในวันนี้ครับ ซึ่งตรงกับวันที่ 16 ธันวาคม 2563
นอกจากกลุ่มคนไทยที่ข้ามไปทำงานในฝั่งรัฐฉาน ประเทศเมียนมา จะได้รายชื่อผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น หรือ ทีบีซี เพื่อขอเดินทางกลับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และจำนวนเริ่มลดลงหลังจากคนส่วนใหญ่ได้พากันเดินทางกลับมาแล้วเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามพบว่านอกจากผู้มีสัญชาติไทยจะพากันเดินทางกลับมาแล้ว ยังพบว่าได้มีผู้ที่ถือบัตรประจำตัวประชาชนไม่มีสถานะทางทะเบียนหรือบัตรหัวศูนย์ บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ฯลฯ ซึ่งออกโดยทางฝ่ายปกครองของทางราชการไทยครับ
คนเหล่านี้มีความประสงค์จะเดินทางกลับมายังประเทศไทยด้วยเช่นกัน เนื่องจากคนเหล่านี้ถือบัตรของทั้ง 2 ประเทศ คือ ไทยและเมียนมา รวมทั้งอาศัยและทำงานอยู่ทั้งสองฝั่งประเทศเช่นกัน โดยบางมีบ้านเรือนอยู่ในฝั่ง อ.แม่สาย แต่ไปทำงานใน จ.ท่าขี้เหล็ก
เมื่อเกิดปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีการปิดพรมแดนจึงตกค้างอยู่ในฝั่งประเทศเมียนมา แต่เนื่องจากไม่ได้มีสัญชาติไทยเต็ม 100% และหลายคนก็ถือบัตรประจำตัวประชาชนสัญชาติเมียนมาด้วยจึงทำให้ไม่สามารถทำเรื่องข้ามกลับมายัง อ.แม่สาย ได้ในที่สุด
นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสกัดกั้นโรคไว้รัสโควิด-19 กล่าวว่า การจะเดินทางข้ามจากประเทศเพื่อนบ้านมายังฝั่งไทยมีกระบวนการในประเทศเพื่อนบ้าน และมีข้อกฎหมายระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งหากผ่านขั้นตอนนั้นมาจึงจะส่งมาให้กลับประเทศไทย เพื่อเดินข้ามสะพานมายังด่านพรมแดน อ.แม่สาย ซึ่งเราก็มีระเบียบในการตรวจรับแต่ละบุคคลเช่นกัน ดังนั้นการเข้ามาของคนจึงมีการตรวจสอบและถูกต้องตามกฎหมายแน่นอน ปัจจุบันศูนย์กักดูอาการ หรือ Local state quarantine ใน จ.เชียงราย มีจำนวน 10 จุด กระจายอยู่หลายอำเภอ และมีผู้ที่เดินทางเข้ามากักดูอาการรวมจำนวน 269 คน ส่วนผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. -14 ธ.ค.63 มีจำนวน 52 คน รักษาจนหายป่วยและกลับบ้านได้แล้วจำนวน 11 คน คงเหลือยังรักษาอยู่จำนวน 41 คนครับ
ติดตามแอดมินเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3pXITAd