พามาดูเรือโดยสารไฟฟ้าคลองผดุงกรุงเกษม การเดินทางปลอดฝุ่นใหม่ของคน กทม.

     การเดินทางสาธารณะของประเทศไทยในช่วงปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตกทม.และปริมณฑล หลังจากที่เราเห็นรถเมล์สีแดงรุ่นเก่าๆเริ่มถูกเก็บเข้ากรุ แล้วทดแทนด้วยพาหนะใหม่ๆ และเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงไปตามเทรนด์โลก ที่เปลี่ยนการใช้พลังงานจากน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดควัน และฝุ่น PM 2.5 และช่วยให้ประเทศประหยัดการนำเข้าเชื้อเพลิงซึ่งตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นมาเราจะเห็นการเปิดรถเมล์ไฟฟ้าวิ่งตามพื้นที่ต่างๆหลายคันแล้ว และในช่วงปลายปีนี้ก็มีเรือไฟฟ้าตามมา ซึ่งวันนี้ จขกท.จะพาไปดูเรือโดยสารไฟฟ้าคลองผดุงกรุงเกษม ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปว่ามีแนวทางการเดินเรืออย่างไรบ้าง 

     เรือโดยสารไฟฟ้าคลองผดุงกรุงเกษมเปิดให้บริการวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมานี้ หลักๆ คือสามารถขึ้นจากท่าเรือมาเพื่อมาเชื่อมต่อ MRT ,รถไฟ และเดินทางเชื่อต่อกับเรือที่แล่นในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ โดยเรือมีขนาด ยาว 9.9 เมตร กว้าง 2.98 เมตร สูง 1.2 เมตร จำนวน 8 ลำ ลำไม่ใหญ่มาก (ประมาณจำนวนผู้โดยสาร 40 คน)เพื่อจะได้วิ่งในคลองได้ โดยมีท่าเรือที่ให้บริการดังนี้ 
·        📌ท่าตลาดเทวราช เชื่อมต่อเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา เดินทางไปนนทบุรีหรือสาทร
·        📌ท่าเทเวศร์
·        📌ท่าประชาธิปไตย
·        📌ท่าราชดำเนินนอก
·        📌ท่านครสวรรค์
·        📌ท่าแยกหลานหลวง 
·        📌ท่ากระทรวงพลังงาน เชื่อมต่อ🚤เรือคลองแสนแสบเดินทางไปรามคำแหง  
·        📌ท่ายศเส
·        📌ท่านพวงศ์
·        📌ท่าหัวลำโพง เชื่อมต่อการเดินทางโดยรถไฟที่สถานีหัวลำโพง
·        📌ท่าสถานีรถไฟฟ้าหัวลำโพง เชื่อมต่อการเดินทางโดย🚅รถไฟฟ้า MRT ที่สถานีหัวลำโพง
     จะเห็นได้ว่าช่วงนี้โครงการพัฒนาทางน้ำมากันเยอะมากๆ นอกจากเรือโดยสารไฟฟ้าคลองผดุงกรุงเกษมที่มีมา 8 ลำแล้ว ยังมีของ EA เจ้าพ่อพาหนะพลังงานไฟฟ้าอีกกว่า 20 ลำในปีหน้า (2564) ทำให้คิดว่าในปีหน้าเราจะได้นั่งเรือไฟฟ้าแทนเรือพลังงานดีเซลกันค่อนข้างแน่นอน [https://www.thairath.co.th/news/auto/news/1909156] เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใช้หลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรบนท้องถนน

    เริ่มเห็นกันอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่า พอถึงเวลาที่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ามันเข้าที่เข้าทาง  ราคาถูกลง  มีสถานีให้ชาร์จไฟฟ้าเยอะๆ และกำลังจะมีแบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศอีก  ก็เริ่มคาดหวังกันได้ว่า เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มลพิษ และ PM2.5 จะได้ลดลง มีทางเลือกในการเดินทางแบบใหม่ๆ และราคาไม่แพงอย่างที่กลัวๆ กัน  ทั้งรถไฟฟ้าในระบบราง รถเมล์ไฟฟ้าเรือไฟฟ้าในคลอง และเรือไฟฟ้าในแม่น้ำ และอีกหลายๆ ยานยนต์ไฟฟ้าที่จะตามมา ขอให้ประเทศพัฒนาเรื่องพาหนะขนส่งในพลังงานไฟฟ้ามาให้มากๆ เอามาใช้ทดแทนพาหนะดีเซล ซึ่ง จขกท.มองว่า จะส่งผลดีต่อประเทศในระยะยาวแน่นอน อย่างนี้สินะ ที่เรียกว่าเป็น Smart City