สี จิ้นผิง ยินดีกับ โจไบเดน แต่ทูตจีน ตอกหน้าสหรัฐฯ ตัวอันตรายในเอเชีย
สี จิ้นผิง ยินดีกับ โจไบเดน แต่ทูตจีน ตอกหน้าสหรัฐฯ ตัวอันตรายในเอเชีย
.
สื่อต่างประเทศรายงานข่าว กรณีทางด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้ส่งข้อความแสดงความยินดีกับชัยชนะของ โจ ไบเดน ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ โดยในข้อความแสดงความยินดี ผู้นำจีนบอกว่าความสัมพันธ์อันแข็งแรงระหว่างสองชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลก มิเพียงเป็นรากฐานแห่งผลประโยชน์ของประชาชน ทั้งสองประเทศ แต่ยังเป็นสิ่งที่ประชาคมนานาชาติคาดหวังไว้ด้วย
ขณะที่สื่อมวลชน ก็ให้ความสนใจกับประเด็นนี้ และได้มีการสอบถามไปยังคณะทำงานของโจ ไบเดน ที่กำลังเตรียมถ่ายโอนอำนาจ ว่าคิดเห็นอย่างไรกับ การแสดงความยินดีจากทางด้าน สี จิ้นผิง ก็ได้รับคำตอบว่าพวกเราซาบซึ้งกับถ้อยคำแสดงความยินดีจากเหล่าผู้นำโลกทุกคน ทุกคนที่ส่งสารมา ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดีจีน ด้วย
หากว่าเราย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ระหว่างการหาเสียงของโจ ไบเดน ก็พบว่า โจ ไบเดน ประกาศใช้แนวทางแข็งกร้าวกับความพยายามขยายอิทธิพลไปทั่วโลกของจีน และพูดพาดพิง ผู้นำจีนว่าเป็นอันธพาล
ในขณะที่ฝากฝั่งของจีนเอง ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 สถานทูตจีนประจำฟิลิปปินส์ประณามสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้ที่สร้างความวุ่นวายในเอเชีย หลัง เนื่องจากทูตจากสหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนประเทศที่มีข้อพิพาทกับจีน และกล่าวหาว่ารัฐบาลจีนใช้แรงกดดันทางการเมืองเพื่อขยายอิทธิพล และรักษาผลประโยชน์ของตน
ซึ่งทางด้านสถานทูตจีน ได้ออกเป็นแถลงการณ์ว่าแสดงให้เห็นว่าการเยือนภูมิภาคนี้ของสหรัฐฯ ไม่ใช่เพื่อส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค แต่เป็นการสร้างความวุ่นวายในภูมิภาค เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัว
สหรัฐฯ ควรหยุดยุยงให้เกิดการเผชิญหน้าในทะเลจีนใต้ และหยุดกล่าวคำปราศัยที่ไร้ความรับผิดชอบเกี่ยวกับปัญหาไต้หวันและฮ่องกงซึ่งเป็นเรื่องภายในของจีน โดยสถานทูตจีน ยังได้ย้ำว่าข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าสหรัฐฯ เป็นตัวขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดของการทหาร และเป็นปัจจัยภายนอกที่อันตรายที่สุดในทะเลจีนใต้
ในขณะที่ทางด้าน โรเบิร์ต โอไบรเอน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวัน พร้อมกล่าวกับฟิลิปปินส์ และเวียดนามว่าประเทศทั้งสองกำลังถูกขังอยู่ในแถวการเดินเรือของจีน และยังย้ำว่าสหรัฐฯจะคอยปกป้องประเทศเหล่านี้เอง
ดังนั้นคงต้องติดตามเรื่องราวของสหรัฐฯ กับ จีน อย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน ว่าหากมีการถ่ายโอนอำนาจไปยังโจ ไบเดน แล้ว ความขัดแย้งในมิติต่าง ๆ ระหว่างจีน กับ สหรัฐฯ จะคลี่คลายลงหรือไม่ หรือจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
.........................................................
สถาพร เกื้อสกุล
26-11-2563


















