แม่ทัพเรืออุ้ย” ให้คำมั่น 114ปี กองทัพเรือ รวม”พลังสามัคคี พลังราชนาวี
“แม่ทัพเรืออุ้ย” ให้คำมั่น 114ปี กองทัพเรือ
รวม”พลังสามัคคี พลังราชนาวี
”
ขับเคลื่อน ด้วยความสมัครสมานสามัคคี มีจิตใจที่มั่นคง แน่วแน่ ดำรงไว้ซึ่ง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และช่วยเหลือประชาชน
นำทัพเรือ เป็นกองทัพที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
วางยุทธศาสตร์ “สองฝั่งมหาสมุทรและสามพื้นที่ปฏิบัติการ”“Two Oceans and Three Areas”
.
พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ มีสารเนื่องในวันกองทัพเรือ ๑๑๔ปี ความว่า เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๔๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนนายเรือ ณ พระราชวังเดิม ธนบุรี
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ กองทัพเรือจึงได้ถือเอาวันมหามงคลนี้เป็น “วันกองทัพเรือ” และนับเป็นจุดเริ่มต้นของการทหารเรือไทย
ตามแบบอารยประเทศ ส่งผลให้มีการพัฒนาและมีความเจริญก้าวหน้าเป็นกองทัพเรือที่ทันสมัย เข้มแข็ง และ
มีเกียรติภูมิ” ตราบจนปัจจุบันเป็นระยะเวลา ๑๑๔ ปี
ในโอกาสอันสำคัญนี้ ผมจึงขอนำผลการปฏิบัติงานที่สำคัญของกองทัพเรือ รวมทั้งภารกิจ
ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล มาให้ทุกท่านได้รับทราบครับ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทัพเรือได้ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย และรักษาผลประโยชน์
ของชาติทางทะเล การสนับสนุนการพัฒนาประเทศ การให้ความช่วยเหลือประชาชน และเหนือสิ่งอื่นใด คือการพิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มกำลังความสามารถ การดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริ รวมถึงได้ร่วมงานตามโครงการ “หน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ”สนองพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
การสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญ
ของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์ ตามแผนงานโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างยั่งยืน
รวมถึงการช่วยเหลือ
พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ ทั้งการจัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รวมถึงเรือผลักดันน้ำเร่งให้การช่วยเหลือเพื่อให้สถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายในเร็ววัน
ในด้านต่างประเทศ กองทัพเรือได้เสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ ทั้งในด้านการฝึก การประชุม กิจกรรม ความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ โดยดำรงการมีบทบาทนำในภูมิภาค เป็นสำคัญ
ทั้งนี้ กองทัพเรือได้กำหนดยุทธศาสตร์กองทัพเรือระยะ ๒๐ ปี ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนากองทัพเรือ ให้มีขีดความสามารถเพียงพอในการสร้างความมั่นคงของชาติทางทะเล
ตามแนวคิดระดับยุทธศาสตร์ว่า “สองฝั่งมหาสมุทรและสามพื้นที่ปฏิบัติการ” หรือ “Two Oceans and Three Areas”ให้สามารถรองรับภัยคุกคามด้านความมั่นคงในอนาคตในทุกมิติ
โดยกองทัพเรือต้องมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการระยะไกล เพื่อการปฏิบัติการทางเรือ การปฏิบัติการร่วมและร่วมผสม ตลอดจนการฝึกร่วมผสม และการแสดงกำลังในพื้นที่ที่ผลประโยชน์ของชาติไปถึง
ซึ่งกองทัพเรือได้กำหนดกระบวนการถ่ายทอดยุทธศาสตร์ระยะยาวดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ โดยผ่านกระบวนการกำหนดนโยบายกองทัพเรือ ทั้งนโยบาย ๕ ปีและนโยบายประจำปี และนโยบายเฉพาะของผู้บัญชาการทหารเรือในแต่ละปีตามลำดับ
ซึ่งผลการดำเนินงาน
ที่ผ่านมาของกองทัพเรือ นับได้ว่าปรากฏผลเป็นรูปธรรมด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือ COVID – 19 ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงไปทั่วโลก โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทย
ทางรัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี เป็นเพราะได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน
ในการปรับวิถีการดำเนินชีวิตแบบวีถีใหม่ หรือที่เรียกว่า NEW NORMAL
ในส่วนของกองทัพเรือ ได้ระดม
สรรพกำลัง เพื่อสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเต็มกำลัง นับตั้งแต่การดำเนินการตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กองทัพเรือ
จัดพื้นที่เฝ้าระวังที่อาคารรับรองกองทัพเรือพื้นที่สัตหีบ เพื่อใช้ในการกักตัวคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ตั้งแต่มาตรการการรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน มาถึงที่สนามบินอู่ตะเภา และการนำเข้าสู่ที่พัก
โดยรูปแบบการดำเนินการและมาตรการต่าง ๆ ของอาคารรับรองกองทัพเรือนั้น นับได้ว่าเป็นต้นแบบของ State Quarantine คือ พื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐทั่วประเทศ
จากปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะแย่งชิงผลประโยชน์หอยแครง อ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี กองทัพเรือในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
ได้ดำเนินการทั้งการติดตามและแก้ไขปัญหา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ได้อย่างเท่าเทียม
พร้อมเจรจาผู้เกี่ยวข้องในการกำหนดแนวทางผู้บุกรุก ผู้อ้างสิทธิ์รุกล้ำลำน้ำ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อขจัดความไม่ชอบมาพากลของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ รวมถึงการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ความกดดันของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
โดยการดำเนินการต่าง ๆ นั้น มีความมุ่งหวังเพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่สาธารณะของอ่าวบ้านดอนได้อย่างเท่าเทียม บนพื้นฐานของความถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อร่วมกันสร้างผลผลิตให้ทรัพยากรในทะเลคงความอุดมสมบูรณ์ตลอดไป
โดยกองทัพเรือยังคงมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจ เพื่อมุ่งสู่การบรรลุวิสัยทัศน์กองทัพเรือ พ.ศ.๒๕๖๗ ในการเป็นหน่วยงาน
ความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาคและเป็นเลิศในการบริหารจัดการ และการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคม เพื่อเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
“ผมขอให้คำมั่นว่า กองทัพเรือจะมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กร ให้มีความพร้อมรบสูง รองรับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ และคงการเป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเล ที่มีบทบาทนำในภูมิภาค ส่งมอบคุณค่าให้กับสังคมโดยได้กำหนดปณิธานไว้ว่า “The power of unity, the power of the Navy” “พลังสามัคคี พลังราชนาวี” ที่มุ่งหวังให้กำลังพลทุกนายของกองทัพเรือ ช่วยกันขับเคลื่อน ด้วยความสมัครสมานสามัคคี มีจิตใจที่มั่นคง แน่วแน่
และมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การปฏิบัติหน้าที่เพื่อดำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และช่วยเหลือประชาชนให้สมกับการเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ ตลอดไป










