เราแต่ละคนเกิดมาก็มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว แม้แต่ฝาแฝดก็มีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันอยู่หลายอย่าง ดังนั้นนักลงทุนจึงความแตกต่างกันด้วย ในเรื่องของเงินลงทุน วิธีการลงทุน เป้าหมายในการลงทุน ความสามารถในการรับความเสี่ยงของการลงทุน คุณเองคงจะทราบอยู่บ้างว่าการลงทุนนั้นมีความหลากหลายอย่างมากทั้งแหล่งลงทุน และที่มาของการลงทุนแล้วถ้าคุณคือคนหนึ่งที่อยากจะลงทุนคุณจะเหมาะสมกับการลงทุนแบบไหนบ้าง? ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์จากการลงทุนที่ดีที่สุดการเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ว่าการลงทุนก็เป็นการหาผลกำไรที่ทำให้หลายคนมีอิสระมากคุณสามารถปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนของตัวเองไปได้เรื่อยๆ การลงทุนไม่มีกฎตายตัวแต่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความรู้การคิดคำนวณในช่วงเวลานั้นๆมากกว่าค่ะ
บทความนี้จะมาอธิบายความแตกต่างของการลงทุนแต่ละแบบ และบอกว่าการลงทุนที่คุณควรจะเลือกนั้นเป็นแบบไหนตามสถานการณ์ของแต่ละคนคุณสามารถมองออกมากขึ้นว่าการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองนั้นเป็นแบบไหนได้ค่ะ เรื่องที่จะมาอธิบายก็มีดังนี้ คือ เป้าหมายและการรับความเสี่ยงที่แตกต่าง / ช่วงอายุที่แตกต่าง/ เงินลงทุนที่แตกต่าง มาดูกันค่ะ
เป้าหมายและการรับความเสี่ยงที่แตกต่าง
เป้าหมายที่นักลงทุนคาดหวังเอาไว้จากการลงทุนนั้นต้องแตกต่างกันแน่นอน บางคนก็ลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนหรือกำไรที่สูงมาก ส่วนบางคนก็ลงทุนโดยไม่คาดหวังอะไรมากนักแต่ก็หวังอยู่หน่อยๆว่าจะได้ผลตอบแทนกลับคืนมาบ้างแบบไม่ขาดทุน ดังนั้นนี่คือจุดเริ่มต้นของการลงทุนที่แตกต่างแล้วของนักลงทุน คือเป้าหมายในการลงทุนที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมาพร้อมกับการพร้อมรับความเสี่ยงจากการลงทุนที่ไม่เหมือนกัน นักลงทุนบางคนสามารถรับความเสี่ยงได้มากมาย แต่นักลงทุนบางคนลงทุนอย่างระมัดระวังเพราะไม่สามารถรับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้มากเท่าไหร่ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยโดยรวมหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ลงทุนไป เงินที่มีสำหรับการลงทุน และนิสัยส่วนตัวของนักลงทุน ที่บางคนก็มีความกล้ามากบางคนก็กลัวๆกล้าๆค่ะ ดังนั้นผลกำไรหรือผลตอบแทนที่จะได้จากการลงทุนจึงแตกต่างกันไปด้วยค่ะ ถ้าคุณอยากลงทุนคุณเองควรตรวจเช็คว่าตัวเองมีเป้าหมายและความสามารถในการรับความเสี่ยงแบบไหนนะคะ
ช่วงอายุที่แตกต่าง
ความแตกต่างต่อมาที่นักลงทุนมีไม่เหมือนกันก็คือ ช่วงอายุในตอนที่ลงทุนนั้นต่างกัน การที่คุณมีช่วงอายุในแต่ละวัยการลงทุน ความต้องการผลตอบแทน และความสามารถในการรับความเสี่ยงก็จะแตกต่างกันไปด้วย พูดง่ายๆคือปัจจัยโดยรวมของคนเราในแต่ละช่วงอายุก็มีไม่เหมือนกันการลงทุนจึงต่างกัน มาดูกันดีกว่าช่วงอายุในแต่ละวัยจะมีการลงทุนแบบไหนบ้าง
ช่วงวัยทำงาน อายุระหว่าง 20 – 30 ปี
ในช่วงวัยนี้ก็กำลังมีความต้องการความมั่นคงในชีวิตหลายอย่างจากวัตถุสิ่งของ เช่น การมีบ้าน มีรถ มีการงานที่มั่นคง และเป็นวัยที่กำลังมีกำลังความสามารถที่จะอะไรต่างๆได้มากมาย มีโอกาสในการลงทุนที่เปิดกว้างมากกว่าวัยอื่นๆ แต่น่าเสียดายที่คนในวัยนี้จะไม่ค่อยสนใจการลงทุนมากนักแต่จะมองการหารายได้จากการทำงานมากกว่า แต่ถ้าใครที่อยู่ในวัยนี้แล้วเริ่มการลงทุนจะถือว่าได้กำไรมากเพราะส่วนมากก็จะประสบความสำเร็จทั้งในตอนนี้และระยะยาว เพราะการลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินให้คุณมากกว่าการทำงานอาชีพด้วยซ้ำ คนในช่วงวัยยังสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนที่ได้ผลกำไรที่ดีแต่เสี่ยงมากได้อยู่เพราะยังมีแรงมีกำลังในการหาเงินลงทุนอยู่เรื่อยๆ และมีระยะเวลาในการลงทุนยาวนานกว่า ถ้าคุณอยู่ในช่วงอายุ 20 – 30 ปีก็อยากแนะนำให้ลองมองหาการลงทุนที่ดีสักหนึ่งอย่างดูนะคะเพื่ออนาคตทางการเงินที่มั่นคงค่ะ
ช่วงวัยที่มีครอบครัว อายุ 30 – 45 ปี
คนในวัยนี้จะเริ่มมีภาระหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นรวมถึงความรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นด้วย การเริ่มการลงทุนในวัยนี้ก็จะไม่ค่อยดีมากเท่าไหร่เพราะจะมีเวลาน้อยกว่าในการศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุน ระยะเวลาในการลงทุนก็น้อยลงไปด้วยอาจจะสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้แบบไม่เต็มที่ผลตอบแทนจากการลงทุนก็จะเรื่อยๆไม่หวือหวามากเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะหาการลงทุนค่ะ
ช่วงวัยใกล้จะเกษียณ อายุ 45 ปีขึ้นไป
บางคนก็เริ่มการลงทุนช้าเกินไปมาเริ่มนช่วงวันใกล้จะเกษียณแล้วแต่ในวัยนี้ก็ยังสามารถลงทุนได้ แต่โอกาสในการลงทุนจะน้อยมากๆโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีก็น้อยลงตามไปด้วย แล้วความสามารถในการรับความเสี่ยงก็น้อยทำให้ลงทุนอะไรไม่ได้มากต้องลงทุนอย่างระมัดระวังมากที่สุดค่ะ ดังนั้นคนในวัยนี้ไม่ว่าจะลงทุนอะไรต้องศึกษาให้ดี ใจเย็นๆให้มากๆแล้วก็จะดีเองเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนแบบช้าๆค่ะ
ไม่ว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ในช่วงวัยไหนก็สามารถเริ่มการลงทุนได้แต่ถ้าอยู่ในช่วงวัยทำงานก็ยิ่งดีมากให้เริ่มการลงทุนให้เร็วที่สุดที่คุณทำได้ค่ะ เพื่อนาคตทางการเงินที่มั่นคงไปจนถึงวันที่คุณทำงานไม่ไหวแล้วไม่มีรายได้แล้วเงินจากการลงทุนนี่แหละจะเลี้ยงดูคุณเอง
เงินลงทุนที่แตกต่าง
เงินลงทุนก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลต่อวิธีการเลือกการลงทุนค่ะ เพราะถ้ามีเงินลงทุนเยอะสามารถรับความเสี่ยงได้เยอะแล้วถ้าประสบความสำเร็จการลงทุนก็นำกำไรมาให้มหาศาล แต่กลับกันถ้าผิดพลาดก็เสียเงินไปมากเช่นเดียวกัน แต่ถ้าลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยก็สามารถหาแหล่งเงินทุนได้อีก ทางที่ดีเงินลงทุนที่ได้มาต้องไม่ใช่เงินร้อนต้องเป็นเงินเย็นจะดีมาก เงินร้อนคือ เงินที่หยิบยืมมาหรือกู้มาจริงอยู่ที่นักลงทุนหลายคนลงทุนในธุรกิจด้วยเงินกู้ส่วนมากแต่ถ้าคุณมีทางเลือกก่อนการลงทุนมีเวลามากในการหาแหล่งเงินทุนก็ควรใช้เงินที่เก็บเองจะดีกว่าเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนเงินเย็นก็คือเงินลงทุนที่เป็นของตัวเองทั้งหมดจริงๆเมื่อธุรกิจหรือสิ่งที่ลงทุนไปนั้นไม่ประสบความสำเร็จก็จะเครียดน้อยกว่า แต่อย่างที่บอกว่าส่วนมากแล้วนักลงทุนก็จะกู้เงินมาลงทุนมากกว่าใช้เงินตัวเองและแหล่งเงินกู้ที่เอามาลงทุนก็แตกต่างกันไป บางคนกู้เงินนอกระบบ บางคนกู้เงินในระบบจากธนาคาร หรือสถาบันการเงิน บางคนกู้เงินจากนายทุนโดยการลงทุนร่วมกัน คนหนึ่งลงแรง คนหนึ่งลงเงิน การนำเงินมาลงทุนในธุรกิจก็มีหลายแบบหลายที่มาที่ไปดังนั้นผลของการลงทุนก็จะแตกต่างไปตามนั้น ไม่สามารถบอกได้ว่าการเริ่มต้นการลงทุนแบบนี้การลงเงินเพื่อจะลงทุนเท่านี้จะมีได้รับผลของการลงทุนอย่างไรแน่นอน ไม่สามารถบอกได้เลยเพราะไม่มีกฎตายตัวค่ะ
การลงทุนไม่มีกฎตายตัวให้กับนักลงทุน
การลงทุนไม่มีกฎตายตัวเรื่องนี้เห็นว่าจะจริงแท้แน่นอนนะคะ เพราะจากการที่พิจารณามาแล้วถึงควมแตกต่างของการลงทุน 3 อย่าง ทั้งเป้าหมายและการรับความเสี่ยง ทั้งช่วงอายุของนักลงทุน ทั้งที่มาและจำนวนของเงินลงทุน สิ่งเหล่านี้แตกต่างกันไปผลกำไรหรือขาดทุนก็มาจากสิ่งเหล่านี้ที่ไม่เหมือนกันไปอีกและไม่มีใครสามารถบอกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าการลงทุนที่คุณลงไปนั้นจะได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างไร แต่อยากเปรียบเทียบการลงทุนเป็นเหมือนปีนเขาสูงชัน อย่างแรกเลยคือมันไม่ง่ายต้องมีการเตรียมตัวอย่างมากและใช้เวลาเตรียมตัวก่อนจะปีนนานมากเพื่อที่คุณจะพร้อมปีนเขา และเมื่อพร้อมแล้วเริ่มปีนเขาระหว่างนั้นคุณเองก็ต้องใช้ความระมันระวังทุกฝีก้าวจะเผลอไม่ได้เลยไม่อย่างนั้นคุณจะพลาดตกเขาได้ง่ายๆ การลงทุนในธุรกิจหรือกองทุนหรือหุ้นก็เช่นกัน ก่อนการลงทุนต้องเตรียมตัวอย่างดีศึกษาหาความรู้ก่อนนานๆ และเมื่อลงทุนก็ต้องคอยสังเกตหาความรู้เรื่อยๆหาประสบการณ์เรื่อยๆ อย่าลงทุนแล้วปล่อยปละละเลยต้องมีการกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอไม่อย่างนั้นคุณจะเป็นเหมือนนักปีนเขาที่ตกลงมาได้ง่ายๆ การลงทุนที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่อย่าดีก็ขาดทุนได้ง่ายๆเหมือนกัน ธุรกิจของคุณที่ลงทุนไปถ้าไม่ได้รับการเอาใจใส่จากคุณอย่างจริงจังก็ล้อเหลวได้ง่ายๆ นั่นเป็นเหตุผลที่นักลงทุนนักธุรกิจมากมายในทุกวันนี้ก็ผิดพลาดขาดทุนและถึงกับล้มละลายจนไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อีก คุณคงไม่อยากเป็นแบบนั้นแน่นอนถ้าอย่างนั้นเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนการลงทุนนะคะไม่ว่าจะแตกต่างจากคนอื่นก็ไม่เป็นไร จะช้าจะเร็วแต่มั่นใจไว้ก่อนถือว่าดีค่ะ