รัฐบาลสหรัฐฯประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า เราได้ขายน้ำมันอิหร่านที่ยึดได้ระหว่างกำลังเดินทางไปยังเวเนซุเอลาแล้ว คิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 40 ล้านดอลลาร์
รัฐบาลสหรัฐฯประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า เราได้ขายน้ำมันอิหร่านที่ยึดได้ระหว่างกำลังเดินทางไปยังเวเนซุเอลาแล้ว คิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 40 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 1,240 ล้านบาท)
.
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้ตัดสินใจยึดสินค้าในเรือบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงของอิหร่านทีเดียว 4 ลำรวด เนื่องจากมีการกล่าวหาว่ากลุ่มเรือดังกล่าว “ฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ” ที่กำลังดำเนินกดดันขั้นสูงสุดต่ออิหร่าน
.
ต่อมาทางรัฐบาลสหรัฐจึงได้ประกาศว่าได้ยึดน้ำมันปิโตรเลียมจำนวนกว่า 1.1 ล้านบาร์เรล จากเรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำ ที่กำลังเดินทางจากอิหร่านไปเวเนซุเอลา “ซึ่งเป็นประเทศต้นทางและปลายทางที่ต่างก็โดนทางสหรัฐฯคว่ำบาตรด้วยกันทั้งคู่”
.
เดิมทีอิหร่านวางแผนที่จะขนส่งน้ำมันไปยังเวเนซุเอลา ส่วนทางวอชิงตันได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อทั้งสองประเทศนี้ เพื่อควบคุมการส่งออกน้ำมันและกีดกันแหล่งรายได้หลักของพวกเขา
.
ล่าสุดนาย Michael Sherwin รักษาการอัยการสหรัฐฯประจำ District of Columbia กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า “สหรัฐประเมินว่าการขายปิโตรเลียมจากเรือ 4 ลำนี้ จะทำให้สหรัฐได้เงินประมาณ 40 ล้านดอลลาร์ โดยเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาจะนำไปให้กองทุนแห่งหนึ่งในสหรัฐฯเพื่อเยียวยาเหยื่อของ “การก่อการร้ายที่รัฐให้การสนับสนุน"
.
ก่อนหน้านี้อัยการของสหรัฐฯได้ยื่นฟ้องเรือทั้ง 4 ลำเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อยึดน้ำมันบนเรือบรรทุกน้ำมัน และต่อมาผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯก็ได้ออกหมายจับเรือดังกล่าว และทำการเข้ายึดในที่สุด














