"หนีไทยไปถ่ายหนัง ที่เวียดนามและมาเลเซีย?
"หนีไทยไปถ่ายหนัง
ที่เวียดนามและมาเลเซีย?
"
จับพิรุธการสร้างข่าวโยนกันไปมา โดยไม่มีข้อมูลอ้างอิงใดๆ ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงจาก นักแสดง ผู้กำกับ และองค์กรถ่ายทำภาพยนต์ระดับนานาชาติ
-----------------------------
เป็นเรื่องดราม่ากับกรณีเพจ "ขอบสหนัง" เล่นข่าว "สื่อตีข่าว ไทยอาจสูญเสียโลเคชั่นถ่ายหนังกับหนังจากต่างประเทศหลายๆเรื่อง ให้กับเวียดนาม และมาเลเซีย เนื่องจากระบบราชการของไทยยุ่งยากเกินไป"
(ซึ่งปัจจุบันมีคนไลค์ไปกว่า 1.2 หมื่นและแชร์ไปกว่า 2 พันครั้ง)
https://www.facebook.com/khobsanung/photos/a.1798231347073815/2884928355070770/
-----------------------
บทความ(โดยคนไทย)ไม่มีหลักฐานประกอบ
-----------------------
แต่เมื่อมาดูในรายละเอียดที่มาของข่าวจะพบว่า ขอบสหนัง อ้างบทความของนักเขียนคนไทยคนหนึ่งชื่อ "Cod Satrusayang" ที่เขียนไว้วันที่ 30 กันยายน 2563 ในเวป ThaiEnquirer
ทุกประโยคเป็นการเขียนบนพื้นฐานของ "ความเห็นส่วนตัว" โดยไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ หรือข้อมูลเชิงสถิติใดๆ มาอ้างอิงประกอบให้เชื่อได้ว่า การถ่ายภาพยนต์ต่างประเทศกำลังจะย้ายฐานไปยัง มาเลเซียและเวียดนามตามที่อ้าง แม้แต่นิดเดียว!!!
(อีกอย่างช่วงปีนี้และปีหน้า ยังไม่ต่างชาติก็ติดโควิด มาถ่ายทั้งไทย เวียดนาม และมาเลเซียไม่ได้อยู่แล้ว)
จนเริ่มมีคนเข้าไปตั้งคำถามว่า ตกลงที่เขียนลงเวปแล้วมีเพจนำไปทำประเด็นข่าว มีข้อมูลอ้างอิงหรือไม่ หรือว่าคิดจะเขียนอะไรขึ้นมาเองก็ได้ตามใจชอบ ?
----------------------
รีวิวจากนักแสดง/กองถ่าย และองค์กรระดับนานาชาติ
----------------------
หากอยากจะอ้างอิงความเห็นหรือประสบการณ์ อย่างน้อยก็ควรอ้างอิงจาก Online Resource ของวงการถ่ายทำภาพยนต์ระดับโลก เช่น ของ Kemps Film and TV Production Services Handbook จากอังกฤษซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1956
KFTV ได้เขียนรวบรวมรีวิวของนักแสดง ผู้กำกับและกองถ่ายระดับโลกที่มาถ่ายทำในไทยไว้เดือนกรกฎาคม 2562 โดยส่วนใหญ่บอกว่ามาไทย "ขออนุญาตง่าย" และ "เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและเป็นมิตรดี" รวมถึงรัฐบาลไทยมีแรงจูงใจจากส่วนลดสนับสนุนถึง 20% ด้วย
https://www.kftv.com/news/2019/07/31/filming-in-thailand
- Chris Hemsworth (คนที่เล่นเป็น Thor ใน Avenger) ระบุว่า "สถานที่สวยงาม และ อาหารอร่อย"
- Anthony และ Joe Russo ผู้กำกับ Avenger พูดถึงไทยว่า "เป็นประเทศที่มีสถานที่ถ่ายทำอันหลากหลาย และบรรดาทีมงานท้องถิ่นก็เป็นที่น่าพึงพอใจในการร่วมงานด้วย"
- Mary Barltrop ผู้จัดการด้านสถานที่ของ Dhaka ซึ่งถ่ายทำเรื่อง X-Men, Superman Returns and Alien Covenant, Hacksaw Ridge, Balibo ระบุว่า
"ประสบการณ์ถ่ายหนังที่ประเทศไทย ไม่เป็นสองรองใคร ฉันทำงานใกล้ชิดกับบริษัทจัดการถ่ายทำภาพยนต์ สมาชิกทีมงานชาวไทยทุกคนทำงานอย่างรวดเร็วและทำงานหนัก เจ้าหน้าที่ชาวไทยก็มีความเป็นมิตรกับการถ่ายทำภาพยนต์อย่างมาก"
- KFTV ยังรีวิวต่อว่า นอกจากการมีสถานที่ถ่ายทำที่หลากหลาย นโยบายของภาครัฐที่สร้างแรงจูงใจโดยมีส่วนลดให้ถึง 20% ได้จูงใจภาพยนต์ต่างชาติให้มาถ่ายในไทยจำนวนมาก
โดยในปีช่วงต้นปี 2019 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในถ่ายทำถึง 410 กองถ่าย ซึ่งทาง Netflix ได้เห็นศักยภาพดังกล่าวและได้เข้ามาลงทุนกับผู้กำกับชาวไทยเพื่อผลิตหนังจากประเทศไทย
- ด้าน Johnson ผู้ช่วยผู้กำกับของ Ron Fricke ผู้กำกับดังจากเรื่อง Koyaanisqatsi และ Baraka ซึ่งเคยเป็นทีมงานถ่ายทำ Starwar Episode III ระบุว่า "การขออนุญาตง่ายมาก ตราบใดที่คุณไม่ไปทำร้ายชื่อเสียงประเทศหรือดูหมิ่นศาสนาในไทย"
- Mary Barltrop คนเดิมระบุว่า "การถ่ายทำหนังเรื่อง Dhaka ซึ่งถ่ายทำเสร็จในสี่สัปดาห์ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็ทำมันสำเร็จ ทั้งนี้ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และประชาชน/ชาวบ้านในท้องถิ่น"
โดยการขออนุญาตยื่นเอกสารแค่ 6 อย่าง
และใช้เวลา 3 วันทำการในการพิจารณา!!!
-----------------------
ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยว
-----------------------
ทั้งนี้หากอยากทราบขั้นตอนการขออนุญาต ถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศ สามารถเข้าไปดูได้จากเวปของกระทรวงการท่องเที่ยวนะครับ
เขาทำภาพ infographic ง่ายๆ มาให้ดูตั้งแต่ขั้นตอนขออนุญาต จนถึงการเข้าร่วมมาตรการ "คืนเงิน" เพื่อรับการอุดหนุนให้มาถ่ายหนังในไทยด้วย (คืนได้ 15-20%)
ส่วนเอกสารขออนุญาตก็อยู่ในนี้หมดแล้ว
http://www.thailandfilmoffice.go.th/ewt_news.php?nid=718&filename=index
-----------------------
หมายเหตุ: ก็พอจะเข้าใจว่าคุณ Cod Satrusayang และเวป ThaiEnquirer เกลียดรัฐบาลหรือแม้แต่ประธานสภาอย่างคุณชวน หลีกภัยมาก (ดูจากข้อความและบทความรวมถึงแฮชแทคใน Twitter)
แต่ในฐานะสื่อ การจะอ้างอะไรแบบนี้ ก็ควรมีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ หรือข้อมูลประกอบด้วย ไม่ใช่พูดลอยๆ ขึ้นมาเอง
ไม่เช่นนั้น มันจะเป็นเหมือนการดูถูกสติปัญญาของประชาชนที่เสพสื่อในเครือข่ายของพวกคุณ ว่าพร้อมจะเชื่ออะไรก็ได้ที่พวกคุณเขียนขึ้น โดยไม่มีข้อมูลหรือสถิติใดๆ ประกอบคำอ้างเหล่านั้น